กองทัพเยเมนแผลงฤทธิ์ดุเดือดพูดจริงทำจริง ล่าสุดได้ยึดเรือ “กาแล็กซีลีดเดอร์”เรือบรรทุกสินค้าที่อิสราเอลเช่าในทะเลแดง ทำให้อิสราเอลรีบออกมาแก้เกี้ยวว่า ไม่ใช่เรือของตน แต่เครดิตที่พูดโกหกต่อเนื่องเลยไม่มีใครเชื่อคำพูด
ก่อนหน้านี้เยเมนประกาศจะโจมตีเรือทุกชนิดของอิสราเอลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรือรบหรือเรือพาณิชย์ โดยกำหนดเป้าหมายเรือประเภทต่อไปนี้ทั้งหมด:๑.เรือที่ชักธงชาติอิสราเอล ๒.เรือที่ดำเนินการโดยบริษัทอิสราเอล ๓.เรือที่บริษัทอิสราเอลเป็นเจ้าของ
พร้อมเรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกโปรดฟัง “ชาวต่างชาติที่ทำงานเป็นลูกเรือเหล่านี้ควรถอนตัวออก”, “หลีกเลี่ยงการขนส่งสินค้ากับเรือเหล่านี้หรือทำธุรกิจกับเรือเหล่านี้”, “ทุกประเทศควรเก็บเรือของตนให้ห่างจากเรือเหล่านี้”
เหตุการณ์นี้ช็อคอิสราเอลทีเดียว เพราะเมื่อกองทัพเยเมนประกาศจะจมเรืออิสราเอลปุ๊บ ก็ยึดให้ดูปั๊บ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอิสราเอลซ้ำไปอีกดอกเพราะเจ้าของเรือเป็นผู้มีอิทธิพลทั้งในอิสราเอลและอังกฤษ
วันที่ ๒๐ พ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวอัล-มายาดีนและสปุ๊ตนิกรายงานว่า กองทัพเยเมน โดยขบวนการอันซาร์ อัลเลาะห์ได้ยึดเรือพาณิชย์ของ”กาแล็กซีลีดเดอร์”(Galaxy Leader)ในทะเลแดงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งชักธงบาฮามาสแต่เป็นเจ้าของโดยนักธุรกิจชาวอิสราเอล
NBC Newsรายงานว่า กองทัพเยเมนใช้เฮลิคอปเตอร์และบินวนอยู่เหนือเรืออิสราเอล ก่อนที่จะร่อนลงไปที่ดาดฟ้าและเข้าควบคุมเรือทันที
เฮซัม อัล-อาซาด สมาชิกสำนักการเมืองของเยเมน บอกกับสปุตนิกว่ากลุ่มของเราปฏิบัติต่อลูกเรือ “ตามค่านิยมและหลักการอิสลาม” “หากพวกเขาไม่ใช่ชาวอิสราเอล พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติเหมือนแขก”
เรือ Galaxy Leader ที่ถูกยึดนั้นมีความเชื่อมโยงกับบริษัทแห่งหนึ่งในอังกฤษ อับราฮัม อุนการ์ (Abraham Ungar) ซึ่งนักธุรกิจชาวอิสราเอล หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “รามี” เป็นเจ้าของบางส่วน
บุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจของอิสราเอล เป็นเจ้าของ Ray Shipping LTD. ในปี ๒๐๑๙ ทรัพย์สินสุทธิของเขาอยู่ที่ประมาณ ๒,๑๐๐ ล้านดอลลาร์ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในองค์กร ความมั่งคั่งและการติดต่อทางธุรกิจที่กว้างขวางของเขาทำให้เขาเป็นศูนย์กลางของภูมิทัศน์เชิงพาณิชย์ของอิสราเอล
การยึดเรือ “กาแล็กซีลีดเดอร์” แม้ว่าอาจจะไม่มีลูกเรือชาวอิสราเอลก็ตาม ถือเป็นการทำลายผลประโยชน์ครั้งใหญ่ของอุงการ์ เหตุการณ์นี้ได้ส่งกระแสความสั่นสะเทือนไปทั่วชุมชนธุรกิจของอิสราเอล โดยเน้นย้ำถึงช่องโหว่ที่สินทรัพย์ที่อิสราเอลเป็นเจ้าของในภูมิภาคที่กำลังมีความขัดแย้ง
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนถึงความตึงเครียดในภูมิภาคที่กำลังดำเนินอยู่ แต่ยังตอกย้ำผลกระทบที่กว้างขวางของความยุ่งเหยิงทางธุรกิจและการเมืองในสภาพแวดล้อมที่ผันผวนดังกล่าว และความอ่อนแอของเศรษฐกิจอิสราเอลที่ปัจจุบันกลายเป็นจุดสนใจของฝ่ายต่อต้านในปัจจุบัน จนกว่าการรุกรานในฉนวนกาซาจะหยุดลง
หลังเหตุการณ์เกิดความโกรธเกรี้ยวและความสับสนใน “เทลอาวีฟ” ซึ่งเปิดเผยด้วยถ้อยคำที่ขัดแย้งกันในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์กร
สื่อของอิสราเอลกล่าวว่า “กลุ่มฮูตียังคงท้าทายอิสราเอลและเข้าควบคุมเรือของอิสราเอล” และเมื่อประเทศนี้ข่มขู่แล้วปฏิบัติตามคำขู่ของพวกเขาอย่างจริงจัง”
“การควบคุมเรือของเยเมนก่อให้เกิดปัญหาต่อการค้าของอิสราเอลที่ยากต่อการเผชิญหน้า ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในการขนส่งสินค้าซึ่งจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ดังนั้น อิสราเอลจึงถือว่านี่เป็นปัญหาระดับโลก”
เมื่ออิสราเอลก้าวเข้าสู่สงครามขัดแย้งและมีแนวโน้มว่าจะลากยาว S&P Global Ratings ประกาศว่าปรับลดแนวโน้มเครดิตของ “อิสราเอล” จากมีเสถียรภาพเป็นลบ โดยอ้างถึงภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจจากการขยายตัวของการรุกรานของอิสราเอลในฉนวนกาซา นั่นคือจาก AA- เป็น (-)
เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอลแสดงความเห็นเกี่ยวกับการปรับลดเกรดเครดิตอิสราเอล โดยอธิบายว่ามันเป็นอาการ “ผู้ตื่นตกใจ” ชั่วคราวและกล่าวว่าเขาไม่ได้คาดการณ์ถึงการขาดดุลครั้งใหญ่ของอิสราเอล พูดจบไม่ทันไรก็ต้องออกมาโวยว่า อิสราเอลขาดดุลงบประมาณครั้งใหญ่แล้วเดือนตุลาคม มูลค่า ๖,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ๒๒,๙๐๐ ล้านเชเกลส์ เพราะสงครามขยายวง และยังไม่รู้กำหนดสิ้นสุดเมื่อไร
บทบาทของResistancesจัดหนักทุกวัน กองทัพเยเมนสร้างผลงานตลบหลังอิสราเอลหลายระลอก การยึดเรือพาณิชย์ของขาใหญ่อิสราเอล ส่งผลต่อเศรษฐกิจแน่นอน และแรงกดดันภายในที่คนอิสราเอลจะต้องเจอ จะสะท้อนกลับไปยังเนทันยาฮูและพวกอย่างรุนแรง เพราะสะสมมากับความไม่พอใจหลายอย่างประกอบกับ ความแตกแยกระหว่างกลุ่มการเมืองในอิสราเอลเองด้วย ยังไม่เห็นแววแห่งชัยชนะอย่างแท้จริง แม้ว่ากองทัพอิสราเอลยังโจมตีปาเลสไตน์อย่างบ้างคลั่ง ทั้งกาซาและเวสต์แบงก์ ก็ต้องหันไปรับมือกับศึกทางเหนือ และใต้หนักมือทีเดียว เพราะทั้งฮิซบุลเลาะห์และกองทัพเยเมนรุกกระหน่ำไม่ยั้งมือ!!??