จากที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ มีมติสำคัญเกี่ยวกับวิกฤตการณ์สู้รบในฉนวนกาซา ให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม เพื่อนำไปสู่การยุติการสู้รบและเปิดทางสำหรับการช่วยเหลือและคุ้มครองชีวิตพลเรือนและเจ้าหน้าที่นั้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 มีรายงานว่า อาบู อูไบดา โฆษกฝ่ายติดอาวุธของกลุ่มฮามาส กล่าวในช่องเทเลแกรมของกลุ่มว่า สัปดาห์ที่แล้วมีความพยายามจากชาวกาตาร์ในการปล่อยตัวพลเรือน เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับการปล่อยตัวชาวปาเลสไตน์ 200 คน และผู้หญิง 75 คนที่ถูกศัตรูควบคุมตัวไว้
ส่วนการหยุดยิงควรรวมถึงการหยุดยิงโดยสมบูรณ์ และอนุญาตให้มีการให้ความช่วยเหลือ และการบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมทุกที่ในฉนวนกาซา แต่อิสราเอลพยายามหลีกเลี่ยงข้อเสนอของข้อตกลง
ล่าสุดวันนี้ 15 พฤศจิกายน 2566 มีความเคลื่อนไหวที่น่าติดตามโดย Blockdit World Update ได้ออกมาโพสต์ข้อความเผยแพร่ไว้ถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า
ที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ จากทุกประเทศ นอกจากจะลงมติเสียงส่วนใหญ่อย่างท่วมท้นให้อิสราเอล ต้องหยุดยิง หยุดทิ้งระเบิดใส่พลเรือนปาเลสไตน์ ในแนวหลังสงคราม ที่ไม่เกี่ยวกับแนวหน้าระหว่างทหารแล้ว
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้มีหลักฐานแน่ชัดว่า อิสราเอลยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ แล้วไปตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัย รวมถึงรุกดินแดนกรุงเยรูซาเล็มตะวันออก และที่ราบสูงโกลาน ซีเรีย และที่ดินชาวเบดูอิน
แล้วแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และการดำเนินการอื่นใด ต่อประชากรรัฐปาเลสไตน์ เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ละเมิดอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 ดังนั้นล่าสุดประชุมใหญ่ UN จึงลงมติให้อิสราเอล ต้องคืนดินแดนทั้งหมด แล้วย้ายออกไปโดยทันที
สื่อ RT รัสเซีย รายงานว่า กองทัพอิสราเอล ได้ว่าจ้างทหารต่างชาติที่เคยอยู่ในแนวหน้าในยูเครน แต่พวกเขาทนลูกยาวจัดหนักรัสเซียไม่ไหว จึงโบกมือลาเปลี่ยนเส้นทางไปรับจ้างอิสราเอล ทำสงครามกับกองทัพฮามาส ในกาซา
สื่อสหรัฐ อ้างแหล่งข่าวอิสราเอลว่า ได้ตกลงกับฮามาส จะแลกเปลี่ยนเชลยระหว่างกันโดยหยุดยิง 5 วัน แต่ยังไม่พบข้อมูลนี้จากสื่ออาหรับและจากฮามาสแม้แต่น้อย อีกทั้งยังพบกองทัพอิสราเอล พร้อมทหารอเมริกันในแนวหน้ารุกรานเข้าไปทางเหนือเขตกาซา แต่เข้าไปไม่ลึกมากนัก แล้วใช้โรงเรียนที่ทิ้งระเบิด เป็นฐานที่มั่นหลบภัยและจุดรวมพล จึงเข้าทางกองทัพฮามาส ที่ใช้อำนาจอธิปไตยมติ UN มอบให้
กองพลน้อยอัล-กัสซา ได้รับคำสั่งให้ใช้ระบบจรวด ราจุม พิสัยใกล้ขนาด 114 มิลลิเมตร ถล่มจุดรวมพลทหารอิสราเอล ไม่ให้มีใครรอดออกไปได้ และยิงจรวดถล่มอย่างหนักขับไล่ชาวเมืองที่ยึดครองดินแดนทางใต้อิสราเอล บ้านเรือนเสียหายไฟไหม้
นักรบอิรัก ออกแถลงการณ์เยาะเย้ยว่า นอกจากพวกเขาจะใช้โดรนพลีชีพยิงถล่มฐานทัพเถื่อนสหรัฐ ในอิรัก ที่ดื้อไม่ยอมออกไปแล้ว พวกเขายังช่วยชาวปาเลสไตน์ โดยยิงโดรนพลีชีพใส่เมืองท่าไอแลต ทางใต้ที่อิสราเอลยึดครองมาจากรัฐปาเลสไตน์อีกด้วย
นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องยิงโดรน ข้ามน่านฟ้าประเทศจอร์แดน เพื่อมาลงถล่มที่เมืองไอแลต ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลมาก แต่โดรนอิหร่านมีพิสัยทำการ 2,000 กิโลเมตร จึงยิงได้ไกลกว่าขีปนาวุธพิสัยกลางได้อย่างสบาย
ขณะที่มีรายงานว่า เกาหลีเหนือ เริ่มส่งความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซา ปาเลสไตน์ โดยระบุกว้างๆ ว่าเป็นสิ่งของด้านมนุษยธรรม
มติที่ประชุมใหญ่ UN ให้อิสราเอลส่งคืนดินแดนที่ยึดครองคืนรัฐปาเลสไตน์ และซีเรีย แม้เสียงส่วนน้อยนิดของโลก สหรัฐ อิสราเอล และประเทศเล็กๆ อีก 5 ชาติ จะโหวตคัดค้าน ก็ไม่มีผลยับยั้งได้ เพราะเป็นกติการะเบียบโลก ที่ต้องปฏิบัติตาม
การรุกรานเขตกาซา จึงเป็นการละเมิดมติ UN ไปด้วย และยังส่งผลให้แรงงานต่างชาติที่ฝ่าฝืนทำงานในดินแดนรัฐปาเลสไตน์ แต่อิสราเอลยึดครองไป จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้แล้ว เพราะ UN เพิ่งลงมติการกระทำยึดครองดินแดนรัฐอื่นของอิสราเอล ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และยังมีความผิดเข้าเมืองผิดกฎหมาย ไปยังรัฐปาเลสไตน์ โดยไม่ขออนุญาตอีกด้วย
ส่วนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของเกาหลีเหนือ คาดว่าจะไม่เหมือนชาติใด สิ่งของนั้นน่าจะมีเสียงดัง แสงสีเสียงวิบวับแน่นอน