ต้องบอกว่าเอาอีกแล้ว!!! จากเรื่องนั้นมาเรื่องนี้ แล้วแต่ละเรื่องก็ออกทำท่าออกอ่าวออกทะเลไปเสียทุกที ล่าสุดอุตส่าห์ปั่นกระแสสุดแรงถึงขนาดลงทุนลาออกจากที่ปรึกษากมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณฯ แถลงหวังยำใหญ่งบฯเกี่ยวโยงไปถึงบริษัทแห่งหนึ่งกับกองทัพ??? แต่ทำไปทำมางานนี้เหมือนเข้าเนื้ออีกจนได้ ด้วยเพราะการไม่ศึกษาข้อมูล ได้ประเด็นมาก็จับมาโจมตีเพียงอย่างเดียวไม่ดูตาม้าตาเรือ?!?
1 ธ.ค.62 ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ตึกไทยซัมมิททาวเวอร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จัดบรรยายพิเศษ ถึงความไม่เหมาะสมและความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณของกระทรวงกลาโหม โดยช่วงหนึ่งระบุอ้างถึงการตรวจสอบ พบบริษัทที่มีบทบาทสำคัญคือ RTA Entertainment หรือบริษัท Royal Thai Army Entertainment
ซึ่งผู้ถือหุ้นบริษัทอันดับ 1 คือกองทัพบก 50% ลำดับที่ 2 ถึง 15 มี 14 รายนั้นเป็นนายทหารทั้งหมด โดยข้อมูลกรมธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ ตามรายงานของผู้สอบบัญชี ปี 2561 ระบุถึง RTA มีนัยว่าจะเจ๊ง เพราะขาดทุนสะสม 1,000 ล้าน ขณะที่ทุนจดทะเบียนเพียง 10 ล้านบาทเท่านั้น
อีกทั้งพบว่า กองทัพบก ปล่อยเงินกู้ให้ RTA โดยไม่มีดอกเบี้ย 1,200 บาท เพื่อเอาไปลงทุนในตลาดหุ้น โดยซื้อหุ้น 2 ตัว 1 ในนั้นคือหุ้นธนาคารทหารไทย ด้วยเงินรวมกว่า 1,400 ล้านบาท แต่ราคาหุ้นตก เหลือราคาเพียง 400 ล้านบาท จึงขาดทุน 1,000 ล้านบาท
พร้อมยืนยันว่า ต้องพูดให้สาธารณชนรับรู้ เพื่อหวังให้กองทัพต้องอธิบายต่อสาธารณชนให้ถูกต้อง ว่าทำไม หุ้น 50% ของ RTA ถือโดยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งมีการเปลี่ยนมือมาตลอดตั้งแต่ปี 2547 ที่ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา แต่ไม่ได้บอกว่ามีการทุจริต แต่สิ่งสำคัญคือความโปร่งใสของการใช้งบประมาณ
2 ธ.ค. 62 เพจเฟซบุ๊คพรรคอนาคตใหม่ โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความว่า “เปิดมิติลี้ลับในกองทัพครั้งที่ 1 เอกสารภายในที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน กองทัพฯ ให้บริษัทที่มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ 14 คน เป็นผู้ถือหุ้นกู้เงินกว่า 1,200 ล้านบาท (ภาษีของประชาชน) โดยไม่คิดดอกเบี้ยแม้แต่บาทเดียว”
นอกจากนี้ยังนำเอกสารจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุชื่อบริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท พร้อมระบุว่าเป็นบริษัทที่กองทัพฯ ให้บริษัทดังกล่าวกู้เงินกว่า 1,200 ล้านบาท
ต่อมา สำนักข่าวอิศรา ได้เผยแพร่ข้อมูลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับบริษัทที่นายธนาธรกล่าวมาหวังจะโจมตีกองทัพ โดยเล่นกับกระแสรณรงค์เลิกการเกณฑ์ทหาร ทั้งที่เรื่องดังกล่าวนี้ได้เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว
บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2546 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ทำธุรกิจเข้าถือหุ้นในกิจการต่างๆ ดำเนินธุรกิจด้านกิจการสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจร ปรากฏชื่อ พล.อ.กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ พล.อ.กิจพันธ์ ธัญชวนิช
พล.ต.บุญญฤทธิ์ วิสมล พล.ต.สกล โชติปัทมนนท์ พล.อ.ณัฐเทพ สมคะเน พล.อ.พีรพร ศรีพันธุ์วงศ์ พล.ท.ไกรสร ศรีสุข เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ 30 เมษายน 2562 กองทัพบกถือหุ้นใหญ่สุด 50.0004 % มูลค่า 5,000,040 บาท
ข้อมูลล่าสุด ณ 31 ธันวาคม 2561 แจ้งว่า มีรายได้รวม 88 ล้านบาท รวมรายจ่าย 83.63 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.8 ล้านบาท
(https://www.isranews.org/isranews-scoop/83260-report02-83260.html)
ตั้งแต่ ปี 2554 – ปัจจุบัน บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน สำนักงานเลขานุการกองทัพบก และหน่วยงานในสังกัดกทม. จำนวน 17 สัญญา รวมวงเงินกว่า 528 ล้านบาท
ในช่วงปี 2547 ยุคสมัย”รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร” บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เคยปรากฏชื่อถูกคณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จากกรณีปัญหาการโอนการบริหารเวลาการออกอากาศ และผังรายการของสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ให้กับ บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ โดยมีเอกชนเข้าร่วมถือหุ้นด้วย เพื่อดำเนินการนำสถานีโทรทัศน์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากมีการท้วงติงว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม ทำให้รัฐเสียประโยชน์ และเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ยังระบุถึงการตรวจสอบงบการเงิน บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบข้อมูลเกี่ยวกับที่มา เงินกู้ยืมระยะยาว 1,236.8 ล้านบาท ว่า เป็นเงินที่ บริษัท อาร์ทีเอ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กู้ยืมมาจากกองทัพบก ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก โดยได้รับมอบหมายจาก “ผู้บัญชาการทหารบก”ในฐานะผู้ให้กู้
ข้อมูลงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค.46 ซึ่งเป็นงบการเงินปีแรก ที่จัดส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารับทราบ หลังจากบริษัทแห่งนี้ ยังใช้ชื่อเดิมว่า บริษัท ททบ.5 จำกัด แปรสภาพบริษัทเป็น มหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 19 ส.ค.46 ระบุรายละเอียดเรื่องเงินกู้ยืมระยะยาวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกัน ว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค.46 และ 45 ได้เงินกู้ยืมจากกองทัพบก โดยสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก
โดยผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ผู้ได้รับมอบอำนาจจากกองทัพบก และทำการโดยได้รับมอบหมายจาก ผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ให้กู้) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของบริษัท ในปี 45 รวมวงเงินทั้งหมด 1,400 ล้านบาท
เงินกู้แบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรก วงเงิน 32.5 ล้านบาท และก้อนสองวงเงิน 1,367.7ล้านบาท แต่ในปี 46 เงินกู้ก้อนสอง ปรับลดลงไป 80 ล้านบาท เหลือ 1,287.7 ล้านบาท ทำให้ยอดวงเงินกู้ทั้งสองก้อนเหลืออยู่ 1,320 ล้านบาท
บริษัทฯได้แจ้งข้อมูลในส่วนเงินให้กู้ยืมระยะยาวว่า บริษัทฯ ได้ให้สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก กู้ยืมไปเป็นจำนวน 1,536 .29 ล้านบาท พร้อมระบุว่า ยอดเงินกู้ ทั้งเงินกู้ยืมระยะยาวกับเงินให้กู้ยืมระยะยาว บริษัทฯ และ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ได้ทำสัญญาเพื่อหักกลบลบหนี้ระหว่างกันด้วย
ในรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 62 ณ วันที่ 30 เม.ย.62 บริษัทฯ ระบุข้อมูลเรื่องการกู้ยืมเงินจากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,615 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 41 ว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 61 บริษัทฯ มียอดค้างชำระจำนวน 111 ล้านบาท
จึงได้ชำระเงินให้กับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เต็มจำนวนไปเมื่อ วันที่ 31 พ.ค. 61 บริษัทฯจึงได้หมดภาระหนี้สินกับธนาคารทหารไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
(https://www.isranews.org/isranews/83313-inves00.html)
นี่คือข้อมูลเชิงลึกที่อิศรา ได้เผยแพร่ออกมา จะเห็นว่ามีความชัดเจนกว่านายธนาธร เพราะเป็นเอกสารหลักฐานทางราชการที่อ้างอิงได้ ดังนั้นสังคมคนไทยควรพิจารณาจะให้ความเชื่อถือระหว่างที่นายธนาธร นำมาเปิดเผย กับที่สำนักข่าวอิศรา ตีแผ่อย่างชัดแจ้งว่าจะเลือกเชื่อถือใคร???
การลาออกมาเปิดโปงของนายธนาธร แน่นอนว่าสังคมย่อมรู้เจตนาว่าต้องการที่จะดิสเครดิตกองทัพ สร้างเรื่องราวให้ดูเป็นเรื่องลึกลับ แล้วผลิตวาทกรรมเรื่องเงินภาษีประชาชนหวังสร้างความเกลียดชังให้เกิดกับกองทัพ และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะที่ในห้วงเวลาของเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ดำเนินมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วง5-6ปีที่ผ่านมา และที่สำคัญกองทัพในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้บัญชาการทหารบก และผู้นำรัฐบาลที่คนไทยคุ้นชื่อเป็นอย่างดี
ผู้บัญชาการทหารบก 1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 – 30 กันยายน พ.ศ. 2546 พลเอก สมทัต อัตตะนันทน์
ผู้บัญชาการทหาร 1 ตุลาคม พ.ศ. 2546 – 30 กันยายน พ.ศ. 2547 พลเอก ชัยสิทธิ์ ชินวัตร
โดยในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ มีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี!?!
นอกจากนี้ในการพูดจาของนายธนาธร ยังพบอีกหลายกรรมหลายวาระ ไม่เรื่องสถานการณ์ไฟใต้ เศรษฐกิจพอเพียง เรื่องการประมง และเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปวีดีโอจนนำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา
เพราะมีการพูดถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ภายหลังการอสัญกรรมเมื่อวันที่ 26 พ.ค.โดยสองนักการเมืองรุ่นใหม่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” จากประชาธิปัตย์ ระหว่างงานเสวนา “แนวทางการดำเนินงานของพรรคการเมืองในการลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างสังคมสวัสดิการ 9 ด้าน” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดยนายธนาธร ได้พูดตอนหนึ่งว่า “เมื่อเช้าเกิดการสูญเสียของบุคคลที่มีประวัติศาสตร์สำคัญทางการเมือง นั่นก็คือ คุณเปรม ติณสูลานนท์ ระบบรัฐที่สร้างขึ้นมาในยุคของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถ้ายังยอมให้รูปแบบรัฐที่เกิดขึ้นที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้ดำรงอยู่ ไม่มีทางที่จะเกิดรัฐสวัสดิการได้”
จากนั้น นายอรรถวิชช์ พูดต่อจากนายธนาธร ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วงระบุว่า “ สักครู่คุณธนาธรพูดถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผมเห็นไม่เหมือนคุณธนาธร วันนี้เป็นวันที่ผมไม่สบายใจ เรื่องนี้ที่เราสูญเสียคนสำคัญไป ผมเรียนอย่างนี้ ท่านอายุ 99 ปี ผมว่าท่านทำคุณงามความดีให้ประเทศไทย
เวลามันพิสูจน์ ดี-เลว เวลาเป็นตัวพิสูจน์ ท่านทำประเทศไทยเข้าสู่ช่วง “โชติช่วงชัชวาล” ท่านจัดตั้งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ที่ทำให้คนไทยมีความมั่นคงทางพลังงาน ถ้า ปตท.ไม่ได้ถูกแปรรูปไปแบบไม่ถูกไม่ควร ป่านนี้เราจะมีบริษัทพลังงานแห่งชาติที่มีความเข้มแข็ง ผมคิดว่าท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่เป็นคนดี คนไทยต้องยกเอาไว้
ท่านทำหน้าที่จนวาระสุดท้ายของชีวิตท่านอย่างครบถ้วน ผมคิดไม่เหมือนนะครับ ต้องขออนุญาต งานนี้พูดจากใจที่ผมรู้สึก สะเทือนในความรู้สึกผมนะครับ” นายอรรถวิชช์ กล่าว
หลังจากคลิปนี้เผยแพร่ออดกไป มีกระแสวิจารณ์อย่างมากมาย บางคนได้ตั้งคำถามถึง ธนาธร ว่าไม่ใช่เพราะรัฐบาลป๋า หรือที่ทำให้ธุรกิจของตระกูลตัวเองมีจุดเริ่มเติบโตแล้วร่ำรวยมาได้ถึงทุกวันนี้??? เป็นอีกครั้งที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ทำตัวเองให้เสียผู้เสียคน?!?
#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง