สมรภูมิเหนือระทึก!! IDF ระส่ำโดนฮิชบุลเลาะห์อัดสองเด้ง จัดจรวดวันละ ๓,๐๐๐ ส่งคอมมานโดสู้ประชิดตัว

0

ท่ามกลางข่าวสารการเคลื่อนไหวจองกองทัพอิสราเอลที่ปิดล้อมฉนวนการซา และตัดออกเป็นสองส่วนเพื่อปิดกั้นการส่งกำลังของฮามาส แต่ความเสียหายทั้งทหารและรถถังของIDF ก็ไม่น้อยหน้าของกลุ่มต่อต้าน สมรภูมิทางตอนเหนือกลับระอุเดือดอย่างมาก

สื่ออิสราเอลกล่าวว่าหน่วยข่าวกรองIDF ประเมินว่ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์มีนักรบประมาณ ๕๐,๐๐๐ คน และสามารถรับสมัครคนได้มากถึง ๑๐๐,๐๐๐ คน

ระบุอีกว่า ภัยคุกคามคู่ของฮิซบุลเลาะห์ต่อ ‘อิสราเอล’น่ากังวลเพราะมีทั้งอำนาจการยิงอันมหาศาล และกองทัพ Radwanซึ่งเป็นหน่วยคอมมานโดฝีมือเฉียบ

วันที่ ๙ พ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวอัลมายาดีนและปาเลสไตน์โครนิเคิล รายงานว่าช่อง 12 ของอิสราเอล กล่าวในรายงานเมื่อวันพุธ ถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ว่าเป็นองค์กรที่มี “อำนาจการยิงที่ทรงพลังที่สุดในโลก” โดยอิงจากการประเมินที่ดำเนินการโดยหน่วยงานสายลับอิสราเอลหรือ MOSSADเกี่ยวกับความสามารถทางทหารของพรรคต่อต้านในเลบานอน

นอกจากมีกำลังพลกว่า ๑ แสนคนแล้ว ฮิซบอลเลาะห์ยังมี “จรวด ขีปนาวุธ และกระสุนปืนครกอยู่ระหว่าง ๑๕๐,๐๐๐ ถึง ๒๐๐,๐๐๐ ลูก” รายงานอ้างอิงรายละเอียดและตัวเลขที่ได้รับจากหน่วยข่าวกรองอิสราเอลเอง

ช่อง 12เน้นย้ำว่าภัยคุกคามที่สำคัญที่สุดต่อกองทัพอิสราเอลคือขีปนาวุธปลายหัวรบหนักหลายร้อยหรือหลายพันลูกที่มีความแม่นยำสูงซึ่งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เป็นเจ้าของ ซึ่งเลขาธิการฮิซบอลเลาะห์ ซัยยิด ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ ได้ขู่ว่าจะใช้ทำลายสิ่งอำนวยความสะดวกทางยุทธศาสตร์ทางทหารของอิสราเอลให้ราบคาบ

ในทางกลับกัน โอฮัด เคโม (Khemo)ผู้สื่อข่าวกิจการอาหรับของช่อง เตือนว่า “ไม่มีอะไรที่ทำให้มั่นใจกับตัวเลขเหล่านี้ได้ และภัยคุกคามนี้ก็ปรากฏจากทางเหนืออย่างชัดเจนที่สุด”

เขาเรียกร้องให้ทำความเข้าใจว่า “มีศัตรูสำคัญมากที่นี่ซึ่งมีขีดความสามารถด้านการยิงที่ไม่มีใครเทียบได้ในประเทศยุโรป” สอดคล้องกับคำกล่าวของอดีตผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอล กาดี ไอเซนคอต (Gadi Eisenkot)

เคโมเน้นย้ำว่าขีปนาวุธที่แม่นยำซึ่งกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ครอบครองนั้นเป็น “เรื่องใหญ่ เพราะใช้อย่างแม่นยำและมีจำนวนมาก สามารถใช้ขีปนาวุธแบบนี้กับ GPS และโจมตีจุดสำคัญเฉพาะในอิสราเอลได้” เขากล่าวถึงสถานที่ทางยุทธศาสตร์หลายแห่งของอิสราเอลที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์สามารถกำหนดเป้าหมายโดยใช้ขีปนาวุธที่แม่นยำเหล่านี้

 

ฮิซบุลเลาะห์วางปฏิบัติการที่เรียกว่า “ภัยคุกคามแบบคู่” ประการแรก พรรคนี้เป็นภัยด้วยขีปนาวุธที่มีพลังการยิงมหาศาล และตามข่าวกรองของอิสราเอล พรรคนี้สามารถยิงขีปนาวุธและจรวดได้ ๓,๐๐๐ ลูกต่อวัน บางชนิดอาจประมาณมากกว่า ๕,๐๐๐ ลูกต่อวัน

ภัยคุกคามประการที่สองคือกองกำลังรัดวัน( Radwan) หน่วยคอมมานโดชั้นนำ ซึ่งมีรายงานว่าประจำการทางตอนใต้ของเลบานอนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงที่ว่านักรบฮิซบอลเลาะห์ได้สั่งสมประสบการณ์สำคัญในการเข้าร่วมในสงครามกับซีเรียควบคู่ไปกับกองทัพซีเรียมายาวนาน และครั้งนี้ก็ไม่น่าจะต่างกัน

การปฏิบัติการดุเดือดเมื่อวานนี้ นักรบของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์มุ่งเป้าไปที่กองกำลังทหารราบของอิสราเอลในบริเวณใกล้กับฐาน “โชเมรา” ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่และได้รับการยืนยัน สถานที่ทางทหารที่บายาด บลิดาทางตอนเหนือของอิสราเอล หลังจากนั้นไม่นาน ก็โจมตีกองกำลังทหารราบของอิสราเอลใกล้กับค่ายทหาร “โดเวฟ” ด้วยอาวุธและการปะทะโดยตรง

ผู้สื่อข่าวของ Al Mayadeen ในเลบานอนตอนใต้รายงานว่า กลุ่มต่อต้านยิงโดยตรงไปยังที่ตั้งของ ๔ เมืองคือ เมืองอัล-อาซี (al-Aasi),เบอร์เก็ต ริชา (Birket Risha), อัล-จาร์ดาห์(al-Jardah) และบายัด บลิดา (Bayad Blida) ในปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองทางตอนเหนือ

Lebanon’s Hezbollah leader Sayyed Hassan Nasrallah

ผู้สื่อข่าวของ อัล มายาดีนทางตอนใต้ของเลบานอนรายงานเมื่อวันอังคารว่า เครื่องบินยึดครองของอิสราเอลได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหลายครั้งที่ชานเมืองหมู่บ้านต่างๆในภาคตะวันตก มุ่งเป้าไปที่พลเรือนแต่ออกประกาศว่าโจมตีกลุ่มทหารของฮิซบุลเลาะห์ โจมตีด้วยโดรนและทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องส่งผลทำลายชีวิตพลเรือนไม่เลือกหน้า ล่าสุดเลขาธิการฮิซบอลเลาะห์ ซัยยิด ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ ออกคำเตือนอย่างดุดันต่อกองทัพอิสราเอลที่มุ่งโจมตีพลเรือนในเลบานอนอย่างต่อเนื่องว่าการกระทำดังกล่าว “จะนำเรากลับไปสู่สมการ ‘พลเรือนเพื่อพลเรือน’” (civilian for civilian’ equation)

ท่ามกลางความพยายามของนานาชาติที่จะกดดันให้สหรัฐและอิสราเอลหยุดยิง อย่างน้อยก็ชั่วคราวเพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกัน และช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ทางมนุษยธรรม ไม่ได้ทำให้อิสราเอลสนใจฟังเลยแม้แต่น้อย ขณะที่การสู้รบกลับยิ่งรุนแรงและดุเดือด ตามแรงกระทำที่อิสราเอลทำต่อปาเลสไตน์ ทุกวันนี้ตั้งเป้าถล่มโรงพยาบาล ค่ายอพยพและศูนย์การช่วยเหลือ อ้างว่าเป็นที่กบดานของทหารฮามาส กดดันให้ชาวปาเลสไตน์ย้ายถิ่นให้ได้ แม้จะทำให้ชาวอิสราเอลเองต้องหนีสงครามเช่นกันทั้งฝั่งทางเหนือและทางใต้นับแสนคน ทั้งสหรัฐฯและอิสราเอลได้ฉีกหน้ากากคนดีที่จอมปลอมให้โลกได้เห็น จับตาการเคลื่อนไหวของฝั่งอาหรับในเวทีระหว่างประเทศว่า ใครเป็นอย่างไรเพราะเสียงตะโกนให้ปลดปล่อยปาเลสไตน์ดังกระหึ่มก้องโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว!!