นายกรัฐมนตรีของจอร์แดนประกาศว่า “ประเทศนี้จะถือว่าการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ของอิสราเอลออกจากฉนวนกาซาเป็นการประกาศสงครามกับเรา” ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศพูดใส่หน้าบลิงเคนรมว.ต่างประเทศสหรัฐฯที่มาเยือนว่า อิสราเอลกำลังก่ออาชญากรรมสงครามและสหรัฐฯอยู่เฉยได้อย่างไร ทำให้การแถลงข่าวระหว่างสหรัฐฯ-อิยิปต์และจอร์แดนไปคนละทิศละทาง ผิดไปจากแผนที่สหรัฐฯต้องการสร้างภาพความเป็นหนึ่งเดียวกันของเพื่อนบ้านอิสราเอลต่อสหรัฐฯ บลิงเคนหน้าแตกไปเต็มๆ
วันที่ ๗ พ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวมิลิทารี่รีวิวและอนาดุลู รายงานว่า นายกรัฐมนตรีแห่งอาณาจักรจอร์แดน บิชาร์ อัล-คอซอว์เนห์กล่าวว่า “หากอิสราเอลดำเนินการเพื่อขับไล่ประชากรปาเลสไตน์จำนวนมากออกจากฉนวนกาซาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นี่จะถือเป็นการประกาศสงครามกับจอร์แดนในอัมมาน และจอร์แดนจะปฏิบัติต่อความพยายามนั้นในลักษณะเดียวกัน ”
ประเทศอาหรับ รวมถึงประเทศที่ให้ความร่วมมือกับชาติตะวันตก กำลังแสดงจุดยืนทางคำพูดที่เข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้ป้องกันการโจมตีฉนวนกาซา หลายประเทศในโลกอาหรับได้ดำเนินการประท้วงต่ออิสราเอล เช่น บาห์เรนยุติความสัมพันธ์ทางการฑูตกับอิสราเอล และในแอลจีเรีย รัฐสภาท้องถิ่นอนุญาตให้ประธานาธิบดีเริ่มทำสงครามกับอิสราเอล หากสถานการณ์ทางการเมืองและการทหารจำเป็นต้องทำ
จอร์แดนถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรทางการทหารและการเมืองที่ใกล้เคียงที่สุดของสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่ในโลกอาหรับ อย่างไรก็ตาม ชาวปาเลสไตน์ที่ตั้งถิ่นฐานใหม่จากดินแดนที่ถูกยึดครองนั้น อ้างอิงจากแหล่งต่างๆ มีตั้งแต่ ๒๐% ถึง ๕๐% ของประชากรในอาณาจักรอาหรับ
โดยธรรมชาติแล้วทางการจอร์แดนถูกบังคับให้คำนึงถึงความคิดเห็นของชาวปาเลสไตน์ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ราชินีราเนียแห่งจอร์แดนเองก็ประสูติในครอบครัวของชาวปาเลสไตน์ที่อพยพมาจากเวสต์แบงก์ หลังจากการระบาดของความขัดแย้งในฉนวนกาซา เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งใหญ่เกิดขึ้นในจอร์แดน ซึ่งเกี่ยวข้องกับชาวปาเลสไตน์และชาวอาหรับในท้องถิ่นที่สนับสนุนพวกเขา ภายใต้แรงกดดันจากความคิดเห็นของสาธารณชน รัฐบาลถูกบังคับให้มีท่าทีที่รุนแรงมากขึ้นต่ออิสราเอล
ไอมาน ซาฟาดี รมว.ต่างประเทศของจอร์แดนกล่าวหาอิสราเอลกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสกายนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า “อิสราเอลสูญเสียความเป็นมนุษย์” ในการทำสงครามกับฉนวนกาซา โดยเน้นย้ำว่าการหยุดยิงเป็นสิ่งจำเป็น โลกกำลัง “จับตาดูด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่งต่อสิ่งที่อิสราเอลทำกับชาวกาซา”
เขาพูดว่า “อิสราเอลกำลังก่ออาชญากรรมสงคราม” ในระหว่างการพบปะกับรมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาย้ำว่ามันเป็น “การแถลงข้อเท็จจริง” ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา ซึ่งรวมถึงผู้หญิงและเด็กหลายพันคน มีการทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนและโรงพยาบาล โดยกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้เป็น “อาชญากรรมสงครามตามกฎหมายระหว่างประเทศ”อย่างชัดเจน
“การหยุดยิงถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะหยุดการฆ่าผู้บริสุทธิ์ จะหยุดการทำลายฉนวนกาซา จะหยุดการพลัดถิ่นอย่างผิดกฎหมายและไร้มนุษยธรรมของผู้คนกว่า ๑,๔๐๐,๐๐๐ คน”
เขาย้ำว่า “หากสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯต้องการช่วยอิสราเอล จงช่วยอิสราเอลสร้างสันติภาพ เพราะสันติภาพเป็นหนทางเดียวที่จะรับประกันความปลอดภัยของชาวปาเลสไตน์และชาวอิสราเอลด้วย”
ซาฟาดีกล่าวว่าจอร์แดน “ไม่ใช่พันธมิตรของอิสราเอล ดังนั้นข้อความของเราจึงตรงไปตรงมาและเรียบง่าย หยุดสงครามนี้ หยุดการฆ่าผู้บริสุทธิ์ สงครามครั้งนี้ไม่ใช่การป้องกันตัวเอง”
ซาฟาดีเน้นย้ำว่าการป้องกันตนเองที่ดีที่สุดสำหรับอิสราเอลคือการหยุดความบ้าคลั่งนี้และทำงานเพื่อสันติภาพ เขาเสริมว่า “การซ่อนความล้มเหลวของประชาคมระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อีกต่อไป สำหรับการไม่แสดงจุดยืนทางศีลธรรมเมื่อเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา