รัสเซียตอกสหรัฐ! ผลักต.อ.กลางสู่สงครามใหญ่ ผู้ลี้ภัยหลายล้านคน เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง

0

ภายใต้การสู้รบที่ดุเดือดในสองจุดวาบไฟของโลก ที่ยุโรปศึกตัวแทนยูเครนกับรัสเซียใกล้ถึงจุดเปลี่ยนขณะที่ศึกกาซากำลังจะถูกผลักดันให้เป็นสงครามใหญ่ภูมิภาคให้ได้

รัสเซียออกมาฟันเปรี้ยงว่า สัญญาณร้ายกำลังเกิดขึ้นที่ตะวันออกกลาง เพราะมหาอำนาจเดี่ยวแองโกล-แอกซอนที่นำโดยสหรัฐฯกำลังผลักดันตะวันออกกลางให้เข้าสู่สงครามครั้งใหญ่ให้ได้ แนวพฤติกรรมของตะวันตกนี้มักจะนำไปสู่การก่อการร้ายและจำนวนผู้ลี้ภัยหลายล้านคนปั่นป่วนไปทั่วโลก

สหรัฐฯเทหมดหน้าตักในศึกปกป้องอิสราเอล ระดมเงินและสรรพกำลังมายังภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง ปากบอกกำลังกล่อมอิสราเอลให้เพลามือลง แต่ส่งผอ.ซีไอเอมาประจำการ ส่งบลิงเคนมายืนยันว่าสหรัฐอยู่เคียงข้างอิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไข และเดินสายไปกล่อมชาติอาหรับไม่ให้ออกหน้าสู้

ล่าสุดส่งเรือดำน้ำบรรทุก Tomahawk ของสหรัฐฯเข้าสู่เมดิเตอร์เรเนียนบ่งบอกอะไรท่ามกลางสงครามฉนวนกาซา?

วันที่ ๗ พ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิก-ทาซซ์และมิลิทารี่รีวิวรายงานว่า กองบัญชาการกลางสหรัฐฯเปิดเผยลงในสื่อของหน่วยว่า “เรือดำน้ำติดขีปนาวุธนำวิถีชั้นโอไฮโอ (SSGN) กำลังเข้าสู่คลองสุเอซทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงไคโร เป็นหนึ่งในเรือดำน้ำใต้น้ำของสหรัฐฯ จำนวน ๔ ลำประเภทนี้ที่ถูกดัดแปลงเพื่อใช้ยิงขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์ก แทนที่จะเป็นขีปนาวุธปลายแหลมนิวเคลียร์

ตามรายงานของสื่อสหรัฐฯ เรือดำน้ำ SSGN แต่ละลำสามารถบรรทุกขีปนาวุธร่อน Tomahawk ได้ ๑๕๔ ลูกซึ่งมากกว่าเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีของสหรัฐฯ ถึง ๕๐% และเกือบ 4 เท่าของจำนวนเรือดำน้ำโจมตีใหม่ล่าสุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ

ขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์กสามารถโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำจากระยะไกล ๑,๐๐๐ ไมล์ และถูกใช้ในการรบมากกว่า ๒,๓๐๐ ครั้งโดยสหรัฐฯและพันธมิตร ครั้งล่าสุดเรือรบและเรือดำน้ำของกองทัพเรือสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก 66 ลูกใส่สถานที่ราชการในซีเรียในปี ๒๐๑๘

ข้อมูลจากสถาบันวิจัย Quincy Institute for Responsible Statecraft ซึ่งมีฐานอยู่ใน DC ระบุถึงจุดสำคัญของเรื่องนี้ก็คือ สหรัฐฯ ได้รวบรวมกำลังทหาร จำนวนมหาศาลในตะวันออกกลางเพื่อรับมือกับสงครามฉนวนกาซา ที่กำลังเกิดขึ้น

กลุ่มThink Tank หมายถึงการเคลื่อนกำลังทหารของสหรัฐฯ ได้แก่ ส่งกลุ่มโจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีกำลังพลประมาณ ๗,๕๐๐ คน, เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ๒ ลำ, ฝูงบิน ๙ ลำประจำการในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกและทะเลแดง, ส่งทหาร ๔,๐๐๐ นายไปยังภูมิภาคนี้ โดยอีก ๒,๐๐๐ นายอยู่ในสถานะเตรียมพร้อม นอกเหนือจากทหารประมาณ ๓๐,๐๐๐ นายที่ประจำการอยู่ในภูมิภาคแล้วตามฐานทัพต่างๆ รวมโดยประมาณเกือบครึ่งแสน หรือ ๔๓,๕๐๐ นายเข้าไปแล้ว

ตัวเลขเหล่านี้ไม่รวมที่คริสโตเฟอร์ พี. ไมเออร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมกล่าวว่าหน่วยคอมมานโด “หลายสิบ”ประจำการในอิสราเอลเพื่อ “ช่วยเหลือชาวอิสราเอลอย่างแข็งขันทำสิ่งต่างๆ มากมาย” ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีที่ปรึกษาทางการทหารระดับสูงของสหรัฐฯ ประจำพื้นที่ในอิสราเอลเพื่อวางกลยุทธ์ในเอาชนะกลุ่มฮามาสร่วมกับกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF)

จอน ฮอฟฟ์แมน นักวิเคราะห์นโยบายด้านกลาโหมและนโยบายต่างประเทศที่สถาบันกาโต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา วิเคราะห์ว่า “สหรัฐฯ กำลังมุ่งสู่สงครามอีกครั้งในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาสกำลังลุกลามอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค และมีความเสี่ยงที่จะลากสหรัฐฯ เข้าสู่การต่อสู้โดยตรง”

เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวฟันธงเลยว่า “กองกำลังแองโกล-แซ็กซอนกำลังผลักดันตะวันออกกลางให้เข้าสู่สงครามครั้งใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การก่อการร้ายที่เพิ่มขึ้นและจำนวนผู้ลี้ภัยจำนวนมาก”

เขาชี้ให้เห็นขณะปราศรัยกับการวิ่งมาราธอน Znanie (ความรู้) ที่งาน International RUSSIA EXPO ลาฟรอฟกล่าวว่า “นโยบายของชาติตะวันตกได้รับการเปิดเผยอย่างเต็มรูปแบบในยูเครน อิรัก ลิเบีย และซีเรีย ผลลัพธ์ของนโยบายนี้ยังรวมถึงการเพิ่มขึ้นของการก่อการร้ายและลัทธิหัวรุนแรง ชีวิตที่แตกสลาย ครอบครัวที่แตกแยก และจำนวนผู้ลี้ภัยที่หลั่งไหลเข้ามานับล้าน” เขาย้ำว่า “ วิธีการที่สหรัฐฯ และดาวเทียมใช้นั้น รวมถึงความพยายามที่จะหว่านความวุ่นวายในส่วนต่างๆ ของโลก ทำให้ประเทศและประเทศต่างๆ ขัดแย้งกัน และเพิ่มความตึงเครียดทางชาติพันธุ์และศาสนา ชาติตะวันตกเคยชินกับการแก้ปัญหาของตัวเองโดยยอมสูญเสียผู้อื่นและแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของผู้อื่น”

ณ เวลานี้แม้ทุกฝ่ายจะพยายามฉุดรั้งความขัดแย้งในตะวันออกกลางไม่ให้ขยายวงเป็นความขัดแย้งภูมิภาคและลามไปสู้สงครามทำลายล้างทั่วโลก แต่สหรัฐปากพูดอย่างแต่ทำตรงกันข้าม ทุ่มหมดหน้าตักเปิดหน้าไฟเขียวอิสราเอลขับไล่ปาเลสไตน์ภายใต้ข้ออ้างปราบฮามาส ส่งกองกำลังทั้งทางบก ทะเลและอากาศตรึงในพื้นที่ตะวันออกกลาง เท่ากับบีบให้เป้าหมายหลักอย่างอิหร่านไม่อาจนิ่งเฉยได้ และก็สมใจเพราะการเคลื่อนไหวในตะวันออกกลางดุดันขึ้นในกลุ่มพันธมิตรต่อต้านไซออนนิสต์  

รัสเซีย จีน อาหรับกำลังพยามยามเต็มที่กดดันสหรัฐและพวกทางการเมืองโลก ในขณะที่Resistance Groups ได้เปิดฉากลุยในพื้นที่กาซาแล้วในทุกทิศ ผลจะเป็นอย่างไร จะยืดเยื้อเหมือนยูเครนหรือจะเบ็ดเสร็จในระยะเวลาอันสั้นไม่นานจะรู้ผล!!