ความหวาดระแวงขึ้นสมอง หลังกระแสโลกตีกลับ ทั้งสหรัฐและอิสราเอลกำลังร่วมกันก่ออาชญากรรมสงครามโดยเมินคำตะโกนให้หยุดยิงทั่วโลก ทั้งไบเดนและเนทันยาฮู ถูกผู้ประท้วงเรียกร้องให้ดำเนินคดีต่อการมุ่งเป้าทำลายล้างพลเรือนปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าอย่างกว้างขวาง ประชาชนชาวอิสราเอลก็ออกมาเรียกร้องให้เนทันยาฮูลาออกเช่นกัน
เมื่อมีข่าวว่ารัสเซียจะนำกองเรือรบมาประจำการในลิเบีย ก็โวยวายว่ารัสเซียคุกคามภูมิภาค แต่ลืมพูดเรื่องนาโต้อ้างซ้อมรบ เอาเรือรบมาตรึงทั่วทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดง โดยเฉพาะทะเลแดงร่วมมือกับอิสราเอลปะทะกับเยเมนดุเดือดทุกวัน
วันที่ ๖ พ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวอัลอะราบิญาและมิลิทารี่โครนิเคิลรายงานว่า วอชิงตันมีความกังวลอย่างมาก เกี่ยวกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของมอสโกว์ในแอฟริกา ความสัมพันธ์รัสเซีย-ลิเบียทำให้เกิดการโวยวายผ่านสื่อ สื่อ Bloomberg ของอเมริการายงานเรื่องนี้โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
ปธน.ปูติน ของรัสเซีย และคาลิฟา ฮาฟตาร์ ผู้บัญชาการทหารทางตะวันออกของลิเบีย หลังจากการพบกันที่มอสโกว์เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่ฐานทัพใหม่
กิจกรรมของรัสเซียที่เพิ่มมากขึ้นในลิเบียแสดงให้เห็นถึงความท้าทายครั้งใหม่ต่อสหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรป ซึ่งติดอยู่กับความขัดแย้งกับเครมลินเกี่ยวกับการรุกรานยูเครน และบทบาทที่เป็นไปได้ของประเทศในความขัดแย้งในตะวันออก
กลางที่กว้างขึ้นอันเนื่องมาจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส รัสเซียมีบทบาทอย่างเข้มข้นในประเทศเพื่อนบ้านอย่างซีเรีย ตลอดช่วงสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานหลายสิบปีของประเทศนั้น และยังคงมีบทบาทสำคัญท่ามกลางการขยายวงของแนวรบในตะวันออกกลาง
สหพันธรัฐรัสเซียต้องการขยายบทบาทการแสดงตนทางทหารในภูมิภาค ซึ่งลิเบียอยู่ภายใต้การควบคุมของจอมพลคาลิฟา ฮาฟตาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดวัย ๗๙ ปีแห่งกองทัพแห่งชาติลิเบีย หรือ LNA การเดินทางเยือนมอสโกว์ของแม่ทัพลิเบียเมื่อ ๒๖ กันยายนที่ผ่านมา ตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย นำไปสู่ความจริงที่ว่าสหพันธรัฐรัสเซียจะมีฐานทัพเรือบนชายฝั่งลิเบีย ซึ่งจะช่วยให้รัสเซียสามารถตั้งหลักใกล้กับยุโรปตอนใต้ได้อย่างมั่นคง และเป็นความท้าทายครั้งใหม่ต่อวอชิงตันและพันธมิตรในยุโรป
สหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรป ขัดแย้งกับเครมลินอยู่แล้วในสงครามตัวแทนยูเครน และบทบาทที่เป็นไปได้ของสองประเทศในวิกฤตการณ์ตะวันออกกลางในวงกว้างอันเนื่องมาจากสงครามระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาส
อดีตทูตพิเศษสหรัฐฯ ประจำลิเบีย โจนาธาน วิเนอร์ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ถือว่าภัยคุกคามนี้ “จริงจังมาก” และการทำให้รัสเซียออกจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาโดยตลอด
ทำเนียบขาวเข้าใจดีว่าโอกาสที่จะสร้างลานจอดกองเรือรบสำหรับเรือทหารรัสเซียในท่าเรือแห่งหนึ่งของลิเบียนั้น ไม่ว่าในกรณีใดนั้นแม้จะยังไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆเนื่องจากท่าเรือทางทะเลของประเทศในแอฟริกาต้องการการปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างจริงจัง แต่วอชิงตันก็ยังตื่นตระหนกไม่ว่าในกรณีใด เพราะไม่ต้องการเกิดปัญหาในภูมิภาคอื่นโดยตัวเองคุมไม่ได้
อดีตทูตย้ำว่า “หากรัสเซียมีท่าเรือที่นั่น จะทำให้รัสเซียสามารถสอดแนมการเคลื่อนไหวของกองเรือสหรัฐและสหภาพยุโรปทั้งหมดได้”
ถึงกระนั้นเรือรบรัสเซียยังอาจได้รับสิทธิ์จอดเทียบท่าถาวรที่ท่าเรือลิเบียโทบรูค ซึ่งมีแนวโน้มความเป็นไปได้ในตอนนี้มากที่สุดซึ่งอยู่ห่างจากกรีซและอิตาลีเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากกรีซและอิตาลี
รากฐานที่ก่อร่างสร้างทำโดยวากเนอร์เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของเครมลินในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ทำให้มอสโกว์สามารถเพิ่มทรัพย์สินทางทหารของต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังกำลังริเริ่มฐานทัพเรือในทะเลแดงในซูดาน ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงคลองสุเอซ มหาสมุทรอินเดีย และคาบสมุทรอาหรับได้อย่างถาวร แม้ว่าความขัดแย้งทางแพ่งในประเทศนั้นอาจทำให้แผนเหล่านั้นล่าช้าหรืออาจล้มเลิกไปก็ตาม เป็นเช่นนี้ทำให้สหรัฐฯเต้นอยู่ไม่เป็น แต่ขัดขวางไม่ได้แล้ว!!