หลังจากผ่านไป ๒๘ วัน ซัยยิด ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ก็ทำลายความเงียบโดยเจตนาเพื่อจัดการกับการพัฒนาที่ไม่คลี่คลายในฉนวนกาซาและตะวันออกกลาง ทั้งอิสราเอลและสหรัฐต่างเคร่งเครียดรอฟังใจจดจ่อ บลิงเคนที่กลับมาเยือนเทลอาวีฟอีกครั้งหลังฟังจบรีบเผ่นกลับสหรัฐฯทันที
วันที่ ๔ พ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวอัลมายาดีนและอัลจาซีรา เปิดเผยว่าในระหว่างพิธีที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้พลีชีพที่ยอมรับการพลีชีพบนเส้นทางสู่อัลกุดส์ ซัยยิด ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ เลขาธิการกลุ่มฮิซบอลเลาะห์(Hassan Nasrallah)เน้นย้ำว่า “ความลับที่แท้จริงของปฏิบัติการนี้คือสิ่งที่รับประกันความสำเร็จอันน่าทึ่งผ่านองค์ประกอบที่โดดเด่นของความประหลาดใจ โดยเสริมว่าปฏิบัติการได้ขยายออกไป และขยายออกไปเพื่อรวมแนวรบและสนามรบมากกว่าหนึ่งแห่ง
ผู้นำกลุ่มต่อต้านยืนยันว่า “ปฏิบัติการน้ำท่วมอัลอักซอและความจริงที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าการต่อสู้ครั้งนี้เป็นชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดและริเริ่มขึ้นเพื่อเห็นแก่ชาวปาเลสไตน์และสาเหตุของพวกเขา และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภูมิภาคใด ๆ หรือการแทรกแซงจากต่างประเทศ”
ผู้นำฮิซบอลเลาะห์กล่าวว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอุทกภัยอัลอักซอเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าอิหร่านไม่มีอำนาจควบคุมใดๆ เลยในกลุ่มต่อต้าน” และ “ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงคือผู้นำของกลุ่มต่อต้านและผู้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพของกลุ่มต่อต้านนั้นเอง”
นัสรุลเลาะห์ ผู้นำของกลุ่มฮิสบอลเลาะห์พูดถึงสหรัฐอเมริกาว่า ““อเมริกาส่งข้อความถึงเราว่าพวกเขาจะทิ้งระเบิดใส่อิหร่านหากเราดำเนินต่อไป คุณกล้าดียังไงมาคุกคามการต่อต้านของเรา? เรือรบของคุณในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไม่ทำให้เราหวาดกลัวแม้แต่น้อย และรู้ไว้ด้วยว่าเราสามารถกำหนดเป้าหมายได้”
เราได้ ‘จัดเตรียม’ สำหรับเรือรบอเมริกันแล้ว และเราขอให้อเมริกาจดจำความพ่ายแพ้ของพวกเขาในอัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย และเลบานอนด้วย
หากอเมริกาต้องการป้องกันสงครามในภูมิภาคไม่ให้เกิดขึ้น การรุกรานฉนวนกาซาจะต้องยุติลง ผมขอรับรองกับชาวอเมริกันว่าในกรณีของสงครามในภูมิภาค เรือรบของพวกเขาและกองทัพอากาศจะต้องชดใช้ราคาแพง
นัสรุลลอฮ์แสดงให้เห็นชัดเจนว่าฉนวนกาซายังคงเป็นแนวรบหลัก และพรมแดนเลบานอนกับอิสราเอลยังคงเป็นแนวรองแต่ไม่ได้ให้หลักประกันกับเมกาอย่างที่ออกมาขู่ทั้งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และรัฐบาลเลบานอน
ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ยังกล่าวอีกว่า “สถานการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในปาเลสไตน์นั้นยากลำบากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ลัทธิฟาสซิสต์ที่ โง่เขลาและชั่วร้ายของรัฐบาลเบนจามิน เนทันยาฮู ”
“คุณและคนทั้งโลกคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์มานานกว่า ๗๕ ปี” “รัฐบาลหัวรุนแรงได้เพิ่มมาตรการตามอำเภอใจต่อนักโทษ” ยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมเลวร้ายลงอีก นโยบายขยายอำนาจที่ดำเนินการโดยรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการพลัดถิ่นอย่างมหาศาลในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ได้เขย่าองค์กรที่แย่งชิงยึดครองจนถึงแก่นแท้” เช่นเดียวกับ “ผู้สนับสนุนที่หยิ่งผยอง โดยเฉพาะวอชิงตันและลอนดอน”ว่าอ่อนแอเปราะบางเพียงใด
ซัยยิด นัสรุลเลาะห์กล่าวย้ำว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาเผยให้เห็นถึงความรับผิดชอบโดยตรงของชาวอเมริกันต่อการสังหารทั้งหมดนี้ ควบคู่ไปกับความหน้าซื่อใจคดของสหรัฐฯ และยังสะท้อนถึงลักษณะที่โหดร้ายและป่าเถื่อนของกลุ่มผู้แย่งชิงที่พวกเขาปลูกไว้ในภูมิภาคของเรา”
เขายังยืนยันว่า “วอชิงตันต้องรับผิดชอบต่อสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในฉนวนกาซาโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ “อิสราเอล” เป็นเพียงเครื่องมือในการประหารชีวิต อเมริกาเป็นฝ่ายป้องกันการยุติการรุกรานต่อฉนวนกาซา และปฏิเสธการตัดสินใจหยุดยิงใดๆจากนานาชาติ”
“หนึ่งในข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดที่ชาวอิสราเอลกระทำและยังคงทำต่อไปคือการตั้งเป้าหมายที่กว้างขวางที่พวกเขาไม่สามารถบรรลุได้” เขาซัดหมัดตรงว่า “”ชาวไซออนิสต์ คุณจะไม่สามารถบรรลุผลใดๆผ่านการสังหารพลเรือน และการสังหารหมู่”
แม้ว่าสื่อตะวันตกจะถ่ายทอดคำแถลงของผู้นำฮิซบอลเลาะห์ว่าไม่ได้ประกาศยกระดับสงคราม แต่คำพูดที่แฝงความนัยทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่สหรัฐและพวกหรือกลุ่มไซออนนิสต์อย่างชัดเจน เป็นการประกาศรบแบบไม่ประกาศ ที่เปิดทางถอยให้รัฐบาลเลบานอนไม่ต้องถูกกดดันจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพราะการสู้รบหน้างานทั้งชายแดนตอนเหนือของอิสราเอลและที่อิรักยังคงดุเดือดไม่พัก และเป้าหมายของขบวนการต่อต้าน หรือResistances ทั้งหมดคือสหรัฐฯไม่ใช่แค่อิสราเอล!!