สัญญาณล่มสลาย! ผอ.UNลาออก ฉีกหน้ากากเทพสหรัฐ-อิสราเอล ยิวคุมเบ็ดเสร็จท้าทายโลก

0

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ UN ลาออกเพราะการผลักดันในการหยุดยั้ง ‘การล้างเผ่าพันธุ์’ ชาวปาเลสไตน์ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะองค์กรนี้ได้ “ยอมจำนนต่ออำนาจของสหรัฐฯ” และมอบอำนาจให้กับ “ล็อบบี้ยิสต์ของอิสราเอล”ทำตามอำเภอใจ

วันที่ ๑ พ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า เครก โมไคเบอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ในนิวยอร์ก ลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยอ้างว่าเขาล้มเหลวในการจัดการกับวิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์อย่างเหมาะสม แทนที่จะทำงานของตน สหประชาชาติได้”ยอมจำนนต่ออำนาจของสหรัฐฯ”และมอบอำนาจให้กับ”ล็อบบี้ยิสต์ของอิสราเอล”ในขณะที่”โครงการอาณานิคมของผู้ตั้งถิ่นฐานในยุโรป ชาติพันธุ์ชาตินิยม และตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ได้เข้าสู่ระยะสุดท้าย”

“เป็นอีกครั้งที่เราเห็นการล้างเผ่าพันธุ์ปรากฏต่อหน้าต่อตาเรา และองค์กรที่เรารับใช้ดูเหมือนจะไม่มีอำนาจที่จะหยุดยั้งมันได้”โมคิเบอร์กล่าวในจดหมายถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โวลเกอร์ เติร์ก ซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่รายนี้บรรยายอย่างชัดเจนถึงการกระทำของอิสราเอลที่กำลังดำเนินอยู่ในฉนวนกาซาว่าเป็น”การล้างเผ่าพันธุ์”โดยยอมรับว่าคำนี้”มักถูกละเมิดใช้ทางการเมือง” แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปเพราะมันมีการกระทำให้เห็นชัดประจักษ์สายตา

“การสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ในปัจจุบัน ซึ่งมีรากฐานมาจากอุดมการณ์อาณานิคมของผู้ตั้งถิ่นฐานกลุ่มชาติพันธุ์ชาตินิยม ไม่มีที่ว่างให้สงสัยหรือถกเถียงกันอีกแล้ว” โมไคเบอร์ย้ำว่านี่เป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับ “การล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติอย่างโจ่งแจ้ง”

รัฐบาลของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และยุโรปส่วนใหญ่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิงในการโจมตีที่น่าสยดสยอง”ไม่เพียงแต่เกิดจากความล้มเหลวในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศของตนเท่านั้น แต่ยัง“ติดอาวุธอย่างแข็งขันในการโจมตี ให้การสนับสนุนทางเศรษฐกิจและข่าวกรอง และการให้ การปกปิดทางการเมืองและการทูตต่อความโหดร้ายของอิสราเอล”

โมคิเบอร์กล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า  “ หน้าฉาก”ยังได้รับการเสริมด้วย“สื่อองค์กรตะวันตก ถูกจับมากขึ้นและอยู่ติดกับรัฐ”ซึ่งเป็น“การลดทอนความเป็นมนุษย์ของชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่องเพื่ออำนวยความสะดวกในการล้างเผ่าพันธุ์ และเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับสงครามและการสนับสนุนความเกลียดชังในระดับชาติ เชื้อชาติ หรือศาสนา”

โมไคเบอร์เชื่อว่าสหประชาชาติเคยมี”หลักการ”และ”อำนาจ” ที่ฝังรากอยู่ใน “ความซื่อสัตย์”ขององคาพยพโดยรวมเช่น ในช่วงที่มีการแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้ แต่กลับสูญเสียสิ่งทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา โมคิเบอร์ตั้งข้อสังเกตว่าสหประชาชาติล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการหยุดยั้งการล้างเผ่าพันธุ์ โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ในรวันดาและบอสเนีย การฆ่าเผ่าพันธุ์ชาวยาซิดีโดยกลุ่มไอเอส ชื่อเดิมคือไอซิสและชาวโรฮิงญาในเมียนมาร์

เขากล่าว“ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ส่วนสำคัญของสหประชาชาติได้ยอมจำนนต่ออำนาจของสหรัฐฯ และความหวาดกลัวต่อการล็อบบี้ของอิสราเอล ที่จะละทิ้งหลักการเหล่านี้ และถอยห่างจากกฎหมายระหว่างประเทศเอง เราได้สูญเสียไปมากมายในการละทิ้งครั้งนี้ ไม่น้อยไปกว่าความน่าเชื่อถือระดับโลกของเราเอง แต่ชาวปาเลสไตน์ต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดอันเป็นผลมาจากความล้มเหลวของเรา”

เพื่อแก้ไขสถานการณ์ สหประชาชาติควร“เรียนรู้จากจุดยืนที่เป็นหลักการในเมืองต่างๆ ทั่วโลกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากยืนหยัดต่อต้านการล้างเผ่าพันธุ์ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกทุบตีและจับกุมก็ตาม” นอกเหนือจากนั้น เขายังเรียกร้องให้ร่างกฎหมายยุติ “วิธีแก้ปัญหาสองรัฐที่ลวงตา”โดยสนับสนุนการสร้าง“รัฐเดียว ประชาธิปไตย และฆราวาสในปาเลสไตน์ประวัติศาสตร์ทั้งหมด”ซึ่งจะรับประกัน“การรื้อถอน”ของอิสราเอล ตามที่บรรยายไว้ โดยเจ้าหน้าที่ในฐานะ”โครงการแบ่งแยกเชื้อชาติและการตั้งถิ่นฐานอย่างลึกซึ้ง”

นี่คือหนึ่งในปฐมบทและข้อความสำคัญที่โลกกำลังส่งถึงสหรัฐและพวกรวมทั้งอิสราเอล เป็นครั้งแรกที่มีผู้เอ่ยถึงการไม่มีอิสราเอลในผืนดินแห่งปาเลสไตน์ โดยผู้ที่คร่ำหวอดกับกรณีขัดแย้งเรื่องสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด วันนี้ตาสว่างว่าที่จริงแล้วกำลังทำงานรับใช้ใคร ผู้ที่อ่างสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยทำลายกฎทุกข้อของสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย  แม้ว่ากลุ่มอิลิทที่อยู่เบื้องหลังสหรัฐ-พันธมิตรและอิสราเอลจะเชื่อมั่นว่า ด้วยอำนาจทางทหาร เงินและเครือข่ายจะสามารถกดเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้สยบยอมได้ แต่วันนี้โลกไม่เหมือนเดิมแล้ว สัญญะของสงครามโลกครั้งใหม่ไม่อาจยับยั้งได้และวันแห่งการล่มสลายของเมกาและพวกใกล้เข้ามาด้วยเช่นกัน!