สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯนับวันถ่าง ห่างไกลมากขึ้นทุกที
การถือครองพันธบัตรคลังสหรัฐฯของปักกิ่งลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี ๒๐๐๙
วันที่ ๒๒ ต.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวบลูมเบิร์กและรัสเซียทูเดย์ รายงานว่า จำนวนหุ้นและพันธบัตรสหรัฐที่นักลงทุนจีนขายแตะระดับสูงสุดในรอบ ๔ ปีในเดือนสิงหาคม ตามข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยกระทรวงการคลังสหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดี
นักลงทุนจีนเทขายสินทรัพย์สหรัฐฯ มูลค่า ๒๑.๒ พันล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มากที่สุดในรอบ ๔ ปี ตามข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
ยอดขายหุ้นมีมูลค่ารวมประมาณเดือนละ ๕,๑๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นสถิติยอดขายหุ้นสหรัฐฯ ต่อเดือนสูงสุดโดยนักลงทุนจากประเทศในเอเชีย ในขณะเดียวกันก็ขายพันธบัตรตัวแทนด้วย
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการถือครองคลังสหรัฐของจีนลดลงเหลือ ๘๐๕.๔ พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๒
ยอดขายหลักทรัพย์สหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นได้กระตุ้นให้เกิดการเก็งกำไรว่าปักกิ่งอาจใช้เงินทุนดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ในการแทรกแซงเพื่อสนับสนุนค่าเงินของประเทศที่อ่อนค่าลง
ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงสู่อัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ส่งผลให้ปักกิ่งสั่งการให้ธนาคารของรัฐเพิ่มการแทรกแซงในตลาดสกุลเงิน
เจนนาเดีย โกลด์เบิร์ก(Gennadiy Goldberg) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ TD Securities ในนิวยอร์กกล่าวว่า “ยังไม่ชัดเจนว่าสิ่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสกุลเงินหรือไม่ เนื่องจากทุนสำรองของจีนไม่ได้ลดลง ซึ่งเป็นเรื่องแปลก”
ตามรายงานของ Reutersระบุว่า “เป็นเรื่องยากมากที่จะบอกว่าเหตุใดการถือครองของพวกเขาจึงลดลงมาก แต่แน่นอนว่ามันอาจเป็นการรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินก็เป็นได้”
การถือครองคลังสหรัฐโดยต่างประเทศมีมูลค่ารวม ๗.๗๐๗ ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ ๒.๘% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ญี่ปุ่นยังคงเป็นผู้ถือครองหนี้รัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุดที่ ๑.๑๑๖ ล้านล้านดอลลาร์