จากที่กกต.มีมติด้วยเสียงข้างมาก 5:2 เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ เหตุที่ธนาธรให้พรรคกู้ยืมเงิน 191 ล้านบาท ฉับพลัน!!! ไม่ทันข้ามคืนก็มีข่าวโหมกระพือส.ส.อยากย้ายไปซบรังพรรคสีฟ้า??? ทั้งยังเกิดคำถามต่างๆตามมามากมายกับ 15 กรรมการบริหารพรรคจะมีชะตาอย่างไร เพราะมีทั้งที่เป็นส.ส.และไม่ได้เป็นส.ส.!?! เรื่องนี้น่าสนใจต้องมาติดตามกัน?!?
โดยเรื่องนี้ผู้ที่จะให้คำตอบไขความกระจ่างให้ประชาชนสังคมได้รับทราบในข้อกฎหมายอย่างชัดเจนที่สุดก็คือ อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกา นั่นคือ นายชูชาติ ศรีแสง
ซึ่งก่อนที่จะไปทำความเข้าใจในเรื่องสถานภาพส.ส.และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ จะต้องเดินไปอย่างไรนั้น เรามาทบทวนถึงผลการพิจารณาของกกต.กันอีกสักครั้งก่อน โดยอดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฏีกาได้ให้ข้อเท็จจริงทางข้อกฏหมายไว้ดังนี้
กกต. ได้พิจารณากรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191 ล้านบาทเศษ และมีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่นั้น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 62 พรรคการเมืองมีรายได้ตามที่กำหนดไว้ใน (1 )- (7) จึงไม่อาจกู้ยืมเงินจากบุคคลใดได้
การที่นายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191 ล้านบาทเศษ จึงต้องถือเป็นบริจาคเงินหรือให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคอนาคตใหม่ จึงเป็น กระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 66 วรรคหนึ่ง และพรรคอนาคตใหม่ก็เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 66 วรรคสอง
มาตรา 66 บุคคลใดจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อพรรคการเมืองต่อปีมิได้ ฯ
พรรคการเมืองจะรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดซึ่งมีมูลค่าเกินวรรคหนึ่งมิได้
มาตรา 124 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี
มาตรา 125 พรรคการเมืองใดรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่าเกิน ที่กําหนดไว้ในมาตรา 66 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีกําหนดห้าปี และให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินมูลค่าที่กําหนดไว้ตามมาตรา 66 ตกเป็นของกองทุน
บทบัญญัติมาตรา 124 และมาตรา 125 เป็นโทษทางอาญาที่ผู้ฝ่าฝืนมาตรา 66 วรรคหนึ่ง และพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนมาตรา 66 วรรคสองจะได้รับ กับให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีกําหนดห้าปี และให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินมูลค่าที่กําหนดไว้ตามมาตรา 66 ตกเป็นของกองทุน
ทั้งการที่พรรคอนาคตใหม่รับเงินบริจาคหรือประโยชน์ อื่นใดมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ย่อมต้องถือว่ารู้หรือควรจะรู้ว่าเป็นเงินหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 72
มาตรา 72 ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อมีการกระทำฝ่าฝืนมาตรา 72 ก็ให้ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 92
มาตรา 92 เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทําการ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
(3) กระทําการฝ่าฝืนมาตรา ฯลฯ มาตรา 72 หรือ มาตรา 74
มาตรา 126 ผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 72 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น
นี่คือ บทสรุปของ พรป.พรรคการเมืองที่หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และพรรคอนาคตใหม่ต้องได้รับตามที่อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฏีกา ได้ให้ความรู้แง่ข้อกฎหมายตามขั้นตอนที่จะเดินต่อไป ส่วนเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นสำหรับหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารที่ถูกจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมีความผิดจริง???
ในกรณีที่พรรคถูกยุบโดยคำสั่งศาล และหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งส.ส.ในพรรคที่เหลือก็หมดสภาพไปด้วยหรือไม่??? แล้วส.ส.ที่เหลือสามารถไปเข้าสังกัดพรรคอื่นๆได้หรือไม่
ส.ส. ที่ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ไม่สิ้นสมาชิกภาพ แต่ต้องไปสมัครเป็นสมาชิกการเมืองอื่นภายในกำหนดเวลา 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101
ทั้งนี้ มาตรา 101 ระบุถึง สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อ
(1) ถึงคราวออกตามอายุของสภาผู้แทนราษฎร หรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร
(2) ตาย
(3) ลาออก
(4) พ้นจากตําแหน่งตามมาตรา 93
(5) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 97
(6) มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98
(7) กระทําการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 184 หรือมาตรา 185
(8) ลาออกจากพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิก
(9) พ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองที่ตนเป็นสมาชิกตามมติของพรรคการเมืองนั้น ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคการเมืองนั้น
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้น มิได้เข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พรรคการเมืองมีมติ ให้ถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่พ้นสามสิบวันดังกล่าว
(10) ขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง แต่ในกรณีที่ขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองเพราะมีคําสั่งยุบพรรคการเมืองที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นเป็นสมาชิก และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นไม่อาจเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นได้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่มีคําสั่งยุบพรรคการเมือง ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันถัดจากวันที่ครบกําหนดหกสิบวันนั้น
(11) พ้นจากตําแหน่งเพราะเหตุตามมาตรา 144 หรือมาตรา 235 วรรคสาม
(12) ขาดประชุมเกินจํานวนหนึ่งในสี่ของจํานวนวันประชุมในสมัยประชุมที่มีกําหนดเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากประธานสภาผู้แทนราษฎร
(13) ต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษ
ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
อย่างไรก็ตามหากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าผิดจริงตามข้อกล่าวหาของกกต. ก็จะสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ตามมาตรา 92 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
ขณะที่คณะกรรมการบริหาร(กก.บห.) พรรคอนาคตใหม่ มี 15 คน ประกอบด้วย 1.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 2.นายปิยบุตร แสงกนกกุล 3. น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ 4 .นายชำนาญ จันทร์เรือง 5. พล.ท.พงศกร รอดชมภู 6. นายรณวิต หล่อเลิศสุนทร 7. น.ส.พรรณิการ์ วานิช 8. นายไกลก้อง ไวทยการ 9. นายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ 10. นายสุนทร บุญยอด 11. นางเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ 12. นายสุรชัย ศรีสารคาม 13. นายเจนวิทย์ ไกรสิงห์ 14. นายชัน ภักดีศิริ และ 15. น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ
ทั้งนี้ในจำนวนกรรมการบริหาร 15 คนนั้น พบว่า เป็น ส.ส. ถึง 11 คน ส่วนที่เหลือ อีก 4 คนคือ นายธนาธร นายรณวิต นายนิติพัฒน์ และนายสุนทร ไม่ได้เป็นส.ส.
กระนั้นมีอีกคำถามที่น่าสนใจก็คือ แล้วส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยซึ่งอนาคตใหม่มีถึง 11 คน จะคงยังความเป็นส.ส.อยู่อีกหรือไม่ และจะตกอยู่ที่ใคร??? เพราะถ้าจะเลื่อนลำดับขึ้นมา ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะพรรคถูกยุบไปแล้ว!?!
โดยนายชูชาติ ได้อธิบายเรื่องนี้ว่า ความเป็นส.ส.หรือ ส.ส.นั้นจะไม่ตกแก่ใครทั้งสิ้น เพราะตำแหน่ง ส.ส.ของกรรมการบริหารพรรคจะหมดไปด้วย
นั่นคือข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่เชื่อว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์ในการติดตามเรื่องราว-คดีนี้ต่อไปด้วยความรู้ทางกฎหมาย ขั้นตอนที่ดำเนินไปตามกระบวนการ เพื่อไม่ให้ใครกลุ่มใดมาชักจูงด้วยข้อมูลที่บิดเบือนหวังปลุกเร้า ปลุกระดมเพื่อประโยชน์ของตนเองและพรรค!?!
อย่างไรก็ตามผลสะเทือนจากคดีดังกล่าวยังมีผลตามมาในเรื่องของส.ส.ที่จะต้องย้ายสังกัดด้วยตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งมีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากพรรคอนาคตใหม่ช่วงหนึ่งมีการตอบคำถามที่ว่า ได้รับการติดต่อจากส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐที่ทำหน้าที่ดีล ส.ส.พรรคอื่นให้ร่วมรัฐบาลหรือไม่
ซึ่งแหล่งข่าวคนดังกล่าวเปิดเผยว่า ไม่ได้คุย แต่ก็ยอมรับว่ามีพรรคอื่นก็มาติดต่อ แม้ตนจะมีปัญหากับพรรค แต่ก็มองในสิ่งที่ชอบธรรม และเท่าที่ดูก็คิดว่ากกต. พิจารณาไปตามประเด็นที่เป็นข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า พรรคไหนที่ตรงกับอุดมการณ์ของตัวเองมากที่สุด จากตัวเลือก พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ แหล่งข่าวคนเดิมตอบว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็น่าสนใจ เพราะมีผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรม ที่สามารถทำตามนโยบายพรรคได้ คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งในการออกมาพูดถึงการย้ายพรรคในห้วงเวลา และแน่นอนว่าสังคมหรือคอการเมือง อาจต้องการรู้ว่า แหล่งข่าวกล่าวว่า คนที่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนคนนี้เป็นใครกันแน่??? ซึ่งแน่นอนว่าจะให้ฟันธงเฉพาะเจาะจงลงไปเลยก็คงเป็นเรื่องยาก???
แต่ถ้าจะให้เล่นเกมทายปัญหากันก็คงคาดเดาได้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ว่า การโหวตญัตติตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบจากม.44 ที่ส.ส.ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ แต่ก็มีแสดงตนเพื่อนับเป็นองค์ประชุม 10 คน แล้วก็ปรากฏเป็นพรรคอนาคตใหม่ 2 คน ได้แก่ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทรบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี
ก่อนหน้านี้การโหวตพ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ ก็ยังปรากฏเสียงของพรรคอนาคตใหม่ ที่โหวตสนับสนุนพ.ร.ก. ถึง 3 คน และงดออกเสียงอีก 1 คน โดย3 เสียงพรรคอนาคตใหม่ โหวตสวนมติพรรค ประกอบด้วย น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี ขณะที่นางสาวศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ งดออกเสียง
ย้อนไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายจารึก ได้โพสต์ภาพคู่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กในเรื่องบุคคลลงสมัคร อบจ.ในจันทบุรี ซึ่งตนได้แจ้งในที่ประชุมพรรคแล้วว่าไม่อยากจะส่ง แต่หัวหน้าต้องการสร้างหลักการของการเมืองใหม่ ยืนยันต้องส่ง ก็ไม่ว่ากัน
นั่นคือข่าวสารที่เผยแพร่กันออกมาให้พิจารณาทายกันดูว่า จะมีส.ส.คนไหนของอนาคตใหม่ย้ายมาอยู่กับประชาธิปัตย์จริงหรือไม่ และส.ส.คนนั้นจะเป็นใคร??? ต้องจับตาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.จากภาคตะวันออก จะมีชื่อ จารึก ให้จารึกในบัญชีค่ายสีฟ้าหรือไม่น่าติดตาม!?!
#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง