นักคิดและผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งในฉนวนกาซา เขามองว่า บทบาทของสหรัฐฯอาจล้มเหลวในการสนับสนุนอิสราเอลให้ทำตามอำเภอของไบเดน จะเป็น ‘คำสาป’ ในการรณรงค์เลือกตั้งปี 2024 ทำให้ไบเดนและพรรคเดโมแครตพ่ายแพ้ สมบทเศรษฐกิจดิ่งเหวเพราะต้องทุ่มงบฯในสงครามใหญ่ถึงสองสนาม คือยูเครนและตะวันออกกลางไปในคราวเดียวกัน
กูรูยังเชื่อว่า วิธีแก้ปัญหาของสองรัฐที่ตกลงกันในออสโลในปี ๑๙๙๓ ยังคงเป็นเส้นทางเดียวที่เป็นไปได้สู่สันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ แต่น่าเศร้าที่สหรัฐฯ ได้ละทิ้งบทบาทผู้นำในการชี้นำฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปสู่การแก้ปัญหาดังกล่าวมานานแล้ว
เป้าหมายและยุทธศาสตร์การทำสงครามของอิสราเอลต่อปาเลสไตน์ กองท้พได้เปิดเผยว่าเตรียมกำลังพล ๓๕๐,๐๐๐ คน ที่จะบุกฉนวนกาซา
รัฐบาลอิสราเอลปิดล้อมโดยสมบูรณ์ต่อกาซามานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ปฏิบัติการทิ้งระเบิดของ IDF ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า ๒,๘๐๐รายในฉนวนกาซานับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ชาวอิสราเอลเสียชีวิตมากกว่า ๑,๓๐๐ รายในพื้นที่ตั้งถิ่นฐานชายแดนหลายแห่งใกล้ฉนวนกาซา
และเมื่อปธน.ปูตินยกหูหาเนทันยาฮู เขายังคงยืนยันว่าจะไม่มีการหยุดยิงจนกว่าฮามาสจะหมดไปจากโลกนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะแยกแยะประชาชนปาเลสไตน์จากนักรบฮามาสอย่างไร นั่นคือยืนยันว่าจะบุกภาคพื้นดินแน่นอน
วันที่ ๑๘ ต.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า ดร. อาเหม็ด อัล-อิบราฮิม นักวิเคราะห์การเมืองในริยาดกล่าวเมื่อวันอังคารว่าความไว้วางใจในระดับภูมิภาคลดน้อยลงในความสามารถหรือความตั้งใจของวอชิงตันที่จะไกล่เกลี่ยความขัดแย้งที่ยาวนาน ๗๕ ปีระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ และตั้งข้อสังเกตว่าความขัดแย้งจะดำเนินต่อไปจนกว่าทั้งสองฝ่าย ยินดีที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ยากเพื่อแก้ปัญหาอย่างแท้จริงและคลายความกังวลของประเทศอื่นๆ
“ตามเนื้อผ้า สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ดูแลอิสราเอล และพวกเขาให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่จำกัด ไบเดนต้องการแสดงให้โลกเห็นว่าสหรัฐฯ ยืนอยู่ข้างหลังอิสราเอลในทุกสิ่งที่อิสราเอลต้องการและมีการสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขสำหรับชาวอิสราเอล แน่นอน อย่าลืมว่าเขาใช้โอกาสนี้วางตำแหน่งตัวเอง ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึง เพื่อที่เขาจะได้รับคะแนนเสียงของชาวยิวในสหรัฐอเมริกา และแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถพลิกสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และใช้มันเพื่อความโปรดปรานของอิสราเอล”
ดร. อัล-อิบราฮิมกล่าวว่า ”มันมีความอ่อนไหวมาก มันไม่ซับซ้อนเพราะถ้าเขาไม่ทำถูกต้อง สถานการณ์จะเร่งตัวขึ้นมากจนควบคุมไม่ได้ ดังนั้นหากไบเดนไม่มีสูตรที่ถูกต้องในการแก้ปัญหา ก็จะเป็นคำสาปต่อการเลือกตั้งของเขาในปี ๒๕๖๗”
ดร. อัล-อิบราฮิมกล่าวว่าหลังจากมาถึงอิสราเอล ไบเดนมีแนวโน้มจะไม่พยายามวางตำแหน่งตัวเองในฐานะคนกลางในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส แต่เพื่อสนับสนุนอิสราเอลในขณะที่เตรียมการรุกรานฉนวนกาซาภาคพื้นดิน ซึ่ง ผู้วิจารณ์กล่าวว่านี่จะเป็น “ความผิดพลาดครั้งใหญ่”
“มันจะมีแต่จะเติมพลังความขัดแย้งทั่วทั้งตะวันออกกลาง และคงจะเติมพลังให้กับชาวมุสลิมเกือบ ๒ พันล้านคน และคริสเตียน ๒,๕๐๐ ล้านคน ปาเลสไตน์อยู่ในสามศาสนาที่ยิ่งใหญ่ และนี่เป็นเพียงการทำให้รัฐยิวตกอยู่ในความเสี่ยง หากการกระทำประเภทนี้จะเกิดขึ้นอย่างไม่ถูกต้องชอบธรรม”
ดร. อัล-อิบราฮิม กล่าวย้ำว่า “เรารู้ว่าฉนวนกาซาเป็นสถานที่ที่มีความหนาแน่นทางภูมิศาสตร์มากที่สุดในโลก ซาอุดีอาระเบียเห็นพ้องกันก่อนหน้านี้ว่าฮามาสไม่ใช่รัฐบาลที่ควรควบคุมฉนวนกาซา ควรเป็นรัฐบาลอื่นที่ไม่หัวรุนแรงเหมือนกลุ่มฮามาส และปัญหานี้จำเป็นต้องถูกนำมาวางบนโต๊ะ หากไบเดนไม่สร้างสมดุลระหว่างสถานการณ์ระหว่างชาวปาเลสไตน์กับอิสราเอล สิ่งนี้ก็สามารถขยายออกไปในเชิงภูมิศาสตร์ได้ และมันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนมาก สำหรับชาวอิสราเอลในขณะนี้ และสำหรับชาวปาเลสไตน์ ที่จะมีวิธีแก้ปัญหาแบบถาวรจริงๆ และต้องกลับไปสู่วิธีแก้ปัญหาแบบสองรัฐ นี่คือสิ่งที่โดยพื้นฐานแล้วเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ได้ถ่ายทอดอย่างจริงจังต่อรัฐมนตรีบลินเกนไปแล้ว”
ดร. อัล-อิบราฮิมกล่าวว่า ผู้คนในตะวันออกกลางได้ “สูญเสียความไว้วางใจ” ที่นักการเมืองอเมริกันคนใดก็ตาม ไม่เคยสนใจที่จะแก้ไขความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์จริงๆ “ไร้ความสามารถเหรอ? มันเป็นกลยุทธ์หรือไม่? ไม่มีใครรู้. ภูมิภาคตะวันออกกลางมีชีวิตอยู่จากการสมรู้ร่วมคิด แต่การสมรู้ร่วมคิดเหล่านี้เป็นปัญหาของตะวันตก ชาวปาเลสไตน์อยู่ใกล้และเป็นที่รักของชาวตะวันออกกลางมาก พวกเขากำลังมองดูชาวปาเลสไตน์ และพวกเขาเห็นว่าสิทธิของชาวปาเลสไตน์ถูกยึดไป ชาวอิสราเอลก็แค่ได้ที่ดินเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ให้อะไรแก่ชาวปาเลสไตน์เลย ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีที่ดิน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น”
“นั่นคือสาเหตุที่พวกเขาทิ้งสุญญากาศไว้ให้กับชาวจีน เข้ามาเป็นตัวกลางข้อตกลงระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน”
ฝ่ายบริหารของอเมริกาจำเป็นต้องรับฟังซาอุดีอาระเบียและอียิปต์และทำงานร่วมกับพวกเขาอย่างแท้จริง และยุติธรรม อิสราเอลไม่สามารถผลักดันกลุ่มฮามาสลงทะเลหรือไม่สามารถผลักดันไปยังซีนายได้ ชาวปาเลสไตน์ต้องมีศักดิ์ศรี ชาวอิสราเอลต้องมีความปลอดภัย สิ่งนี้ยังไม่สามารถดำเนินต่อไปได้”
นี่คือแนวคิดด้านบวกสำหรับทางเลือกของอเมริกา เพราะทั้งซาอุดีอาระเบียและอียิปต์สนิทสนมกลมเกลียวกับสหรัฐฯมายาวนาน แต่ความจริงแล้ว สหรัฐอเมริกาและยุโรปหรืออีกหลายประเทศเป็นตัวของตัวเองจริงหรือไม่ สงครามใหญ่ที่เมกา-อิสราเอลกำลังผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างถึงที่สุด มีเป้าหมายอะไรกันแน่ เมื่อศึกกาซาถูกจุดระเบิดด้วยประเด็น “มัสยิดอัลอักซอ” เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์!!??
