ชักจะเข้าเค้าตามการวิเคราะห์กูรูมะกันว่าศึกกาซาจะทำเมกาล่มสลาย ยังไม่ทันไรสหภาพยุโรปออกอาการถอยดีกว่า หลังแกนนำนาโต้ออกตัวแรงทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนีประกาศส่งอาวุธช่วยอิสราเอลล้างบางปาเลสไตน์ตามวอชิงตัน เป็นการราดน้ำมันไปบนสถานการณ์ระอุที่ หลายฝ่ายพยายามดึงรั้ง
เปลี่ยนท่าทีทางการเมืองเพราะเศรษฐกิจอาการหนักยิ่งกว่าเก่านับตั้งแต่ทุ่มงบฯประเคนให้ยูเครนตามคำสั่งวอชิงตัน เกิดศึกกาซาอเมริกาดึงยุโรปมาร่วมแบกด้วยเพราะมีแนวโน้มว่าจะขยายวงเป็นศึกภูมิภาคมากกว่า อาจต้องทุ่มงบฯมหาศาลและที่สำคัญเผยไต่กลัวคลื่นอพยพมาถาโถม นอกจากรับไม่ไหวแล้ว ยังหลอนจะเป็นโอกาสให้กลุ่ม Extremist หรือกลุ่มหัวรุนแรงแฝงเข้ามาได้
วันที่ ๑๖ ต.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่า รายงานว่า สหภาพยุโรปออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรียกร้องให้ฟื้นฟูกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางทันที ตามหลักการสองรัฐ พร้อมเรียกร้องให้ร่วมมือกับ “หน่วยงานที่ถูกต้องตามกฎหมายในการปกครองตนเองของชาวปาเลสไตน์” เพื่อป้องกันไม่ให้บานปลายต่อไป
แถลงการณ์ระบุว่า “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนและยั่งยืนบนแนวทางการแก้ปัญหาของสองรัฐผ่านความพยายามที่ได้รับการฟื้นฟูในกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง เราเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางกับหน่วยงานปาเลสไตน์ที่ชอบด้วยกฎหมายตลอดจนพันธมิตรระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่อาจมี บทบาทเชิงบวกในการป้องกันไม่ให้บานปลายต่อไป”
เอกสารส่วนที่เหลือทำซ้ำแถลงการณ์ของสหภาพยุโรปก่อนหน้านี้: ประณามการโจมตีอิสราเอล, เรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดทันที, ยืนยันสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตัวเอง, ความจำเป็นในการปกป้องผู้คนในฉนวนกาซา และจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างจริงจัง
ประธานสภายุโรปเตือนว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อาจกระตุ้นให้เกิดลัทธิหัวรุนแรงในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น
ชาร์ลส มิเชล ประธานสภายุโรป เรียกร้องให้ สมาชิกจัดการประชุม “วิสามัญ”เพื่อจัดการกับความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง เขากล่าวว่า“ความขัดแย้งนี้มีผลกระทบตามมามากมาย รวมถึงพวกเราในสหภาพยุโรปด้วย ผลกระทบศึกกาซาจะทำให้ความตึงเครียดระหว่างชุมชนรุนแรงขึ้นและป้อนให้เกิดลัทธิหัวรุนแรงในยุโรป”
เขาย้ำว่า มีความเสี่ยงสำคัญ”ที่ความรุนแรงที่กำลังดำเนินอยู่จะกระตุ้นให้เกิดการอพยพจำนวนมากไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และหากไม่ได้รับการจัดการอย่างระมัดระวัง ก็มีความเสี่ยงที่จะมีการอพยพไปยังยุโรปเป็นระลอกๆ”
ภายหลังการโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยกลุ่มฮามาสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งคร่าชีวิตพลเรือนและทหารกว่า ๑,๔๐๐ รายในอิสราเอล อิสราเอลประกาศสงครามกับกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้และเปิดฉากปฏิบัติการทิ้งระเบิดอย่างรุนแรงในฉนวนกาซาอย่างปูพรมไม่เลือกเป้าหมาย
ชาวปาเลนสไตน์มากกว่า ๒,๓๒๙ คนถูกสังหารในการโจมตีตอบโต้ ประชาชนปาเลสไตน์หลายแสนคนต้องพลัดถิ่นตามคำสั่งอพยพของอิสราเอล คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเตือนว่า “ชาวปาเลสไตน์จวนจะถูกกวาดล้างชาติพันธุ์จำนวนมาก”และเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศไกล่เกลี่ยการหยุดยิงโดยทันที
การเปลี่ยนท่าทีทางการทูตเกิดขึ้นหลังจากกระแสทั่วโลก เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวางของประชาชนประเทศต่างๆทั้งในตะวันออกกลาง สหรัฐฯ ที่ยุโรปเกิดการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลีและกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การออกมาพูดเพื่อลดกระแสแค่ทำให้ดูดีขึ้นในทางการทูตแต่ในทางปฏิบัติ ไม่อาจหยุดยั้งกระแสคลื่นไม่พอใจของประชาชนที่ขยายตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดูเหมือนว่า อิสราเอลไม่เพียงจะลากเมกามาร่วมชะตากรรม ยุโรปก็ไม่รอดเพราะไม่มีทางปฏิเสธคำสั่งของได้อย่างแน่นอน อิสราเอลล้มเหลว เมกาและพวกจะล่มสลายไปทั้งแก๊ง!!