จากที่ฝ่ายสัมพันธมิตรกลุ่ม NATO ติดหล่มสงครามยูเครนมานานกว่าปีครึ่ง การคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้ขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์ปัจจัยพื้นฐาน ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ภาครัฐถังแตก ต้องแห่กู้ยืมเงิน ผลร้ายต่างๆตกกับประชาชนอย่างมากมายนั้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 04 ตุลาคม 2566 มีเหตุการณ์ที่ทั่วโลกเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เมื่อมีการประท้วงเกิดขึ้นทั่วยุโรป โดย Blockdit World Update ได้ออกมาเปิดเผยรายงานดังกล่าวว่า
“ในช่วงนี้ที่สหรัฐอเมริกา มีม็อบประชาชนรวมตัวกันจัดการประท้วงในนครนิวยอร์กซิตี้ เพื่อต่อต้านประณามการให้กู้ยืมเงินและอาวุธของสหรัฐ และ NATO ให้กับยูเครน
โดยประชาชน เรียกร้องเสนอให้รัฐบาล นำเงินงบประมาณของรัฐโอนสนับสนุนไปยังหน่วยงานภายในประเทศเท่านั้น เช่น ด้านการศึกษา และที่อยู่อาศัย ที่ในสหรัฐ มีคนยากจนและคนไร้บ้านจำนวนมาก
ในสหราชอาณาจักร มีม็อบรวมตัวกันประท้วงในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อต้านนโยบายรัฐบาล พรรคอนุรักษ์นิยม ที่มาจัดการประชุมประจำปีที่เมืองนี้ เพราะช่วงตกหล่มสงครามยูเครนแค่ปีกว่า อังกฤษต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีแล้ว 3 คน คณะรัฐมนตรีอีกหลายชุด และต้องเผชิญหน้ากับม็อบสหภาพแรงงานนัดหยุดงานชัทดาวน์ประเทศบ่อยครั้ง
เยอรมนี ม็อบรวมตัวกันประท้วงในเมืองสตุ๊ตการ์ท เพื่อต่อต้านนโยบายของรัฐบาล เรียกร้องให้ช่วยเหลือชนชั้นกลาง และต่อต้านประณามแผนการปฏิรูปการเกษตร
ปัจจุบัน เศรษฐกิจของเยอรมนี จากอันดับ 1 สหภาพยุโรป ร่วงลงมากลายเป็น คนป่วยแห่งยุโรป เพราะขาดแคลนพลังงาน และวัตถุดิบราคาถูกจากรัสเซีย มาใช้ในภาคอุตสาหกรรม
ประเทศโปรตุเกส เมืองลิสบอน ม็อบประชาชนรวมตัวกันประท้วงความเดือดร้อนเรียกร้องราคาที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง เนื่องจากเป็นปัจจัยสี่ในชีวิต แต่กลับมีราคาค่าเช่าและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายครัวเรือน
บัลแกเรีย ประชาชนรวมตัวกันจัดการชุมนุมประท้วงต่อต้านนโยบายของรัฐบาล ในปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงคัดค้านจุดยืนของประเทศร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร NATO และสหภาพยุโรป ให้กู้ยืมอาวุธขยายเวลาสงครามยูเครน
ในสเปน ชาวแคว้นคาตาโลเนีย จำนวนมากออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในบาร์เซโลนา เพราะเมื่อ 6 ปีก่อน พวกเขาได้จัดการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชอิสระประเทศใหม่ แต่รัฐบาลสเปนอ้างว่าการลงประชามติประชาชนไม่เป็นประชาธิปไตย
นอกจากนี้ยังมีม็อบประชาชน กระจายไปต่างช่วงต่างเวลาในทุกประเทศยุโรป จากปัญหาความเดือนร้อนราคาพลังงานสูง ผลักดันให้ดันอัตราเงินเฟ้อทะยานขึ้น หนี้สินครัวเรือนผ่อนชำระบ้านต่อไม่ไหว ถูกธนาคารฟ้องล้มละลายและยึดทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นมหาศาล ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม มีต้นทุนพลังงานสูงขึ้นมากหลายเท่าตัว แข่งขันราคาไม่ได้กับสินค้าเอเซีย จีน อินเดีย ที่ได้รับการเปลี่ยนทิศทางพลังงานมาจากรัสเซีย
ภาคอุตสาหกรรมในยุโรป ที่เคยเป็นแหล่งทำเงินเฟื่องฟูยุคใช้พลังงานราคาถูกรัสเซีย ปัจจุบันไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว จึงอยู่ในช่วงขาลง ปิดกิจการย้ายฐานการผลิตไปลงทุนใหม่ในเอเซีย
เศรษฐกิจประเทศในยุโรป แม้จะทำสงครามการค้ากันมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ แต่ในข้อเท็จจริงยังผูกโยงกับเศรษฐกิจสหรัฐโดยตรง รัฐบาลสหรัฐ มีแต่หนี้สาธารณะสูง ดังนั้นยุโรป ก็จะเป็นเหมือนกัน
ล่าสุดเกิดความผิดปกติขึ้น เมื่อ US Debt Clock ที่แสดงผลหนี้สาธารณะสหรัฐแบบ Real Time ถึงกับปล่อยข้อความสัญญาณเตือนอันตรายระดับสูงว่า
“พระเยซูเสด็จเข้าไปในพระวิหารของพระเจ้า ทรงขับไล่บรรดาผู้ที่ซื้อขายในพระวิหารออกไป และทรงคว่ำโต๊ะของคนรับแลกเงิน” รัฐบาลประเทศใด ที่คิดจะกู้หนี้ธนาคาร รัฐวิสาหกิจ หรือออกพันธบัตร กู้เงินมาแจกนโยบายประชานิยมให้ถอยหลังได้เลย”