ตาต่อตา!! รัสเซียประกาศล่าหัว ๔ ผบ.ยูเครนฐานก่อการร้าย หลักฐานชัดตั้งใจโจมตีพลเรือน

0

แตกหักกันชัดเจนระหว่างรัสเซียและนาโต้ รวมทั้งยูเครน ล่าสุดรัสเซียประกาศให้หัวหน้าสายลับและผู้บัญชาการทหาร อีก ๓ นายที่มีหลักฐานชัดว่าเป็นผู้สั่งการปฏิบัติการก่อการร้ายโจมตีพลเรือนรัสเซียอย่างต่อเนื่องมากว่า ๑ ปี

ก่อนหน้านี้ทางการรัสเซียได้ประกาศจับผู้พิพากษา ICCและคณะผู้เกี่ยวข้องในการออกหมายจับ ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียและเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนของรัสเซีย กรณีเคลื่อนย้ายเด็กและเยาวชนอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งๆที่รัสเซียไม่ได้ให้สัตยาบันกับองค์กรโลกบาลแห่งนี้แต่อย่างใด  ICCเป็นหน่วยงานทางกฎหมายระดับโลกที่สหรัฐฯผลักดันก่อตั้งคู่ขนานไปกับศาลโลก และทำงานภายใต้วาระวอชิงตันมาโดยตลอด ทุกจังหวะก้าวในการดำเนินการของรัสเซียอยู่ภายในกฎหมายระหว่างประเทศ ในขณะที่สหรัฐฯไม่เคยปฏิบัติตาม จะใช้กฎหมายระหว่างประเทศก็เพื่อเล่นงานประเทศที่ไม่สยบยอมเท่านั้น

วันที่ ๔ ต.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียระบุว่าเจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสของยูเครน ๔ นายเป็นผู้บงการ”การโจมตีของผู้ก่อการร้าย” มากกว่า ๑๐๐ ครั้ง เกี่ยวข้องกับโดรนที่มุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน

ในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา  หน่วยงานฯกล่าวว่า “ได้รวบรวมหลักฐานเพียงพอที่จะตั้งข้อหาผู้บัญชาการทั้ง๔  คนที่ไม่ปรากฏตัวในอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย รัสเซียจะดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยดังกล่าว

คณะกรรมการฯได้ประกาศชื่อหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหารยูเครน คิริลล์ บูดานอฟ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศและกองทัพเรือ นิโคไล โอเลชชุก และอเล็กเซย์ เนซาปา รวมถึงผู้บัญชาการกองทหารโดรนที่ 383 ของกองทัพอากาศ เซอร์เกย์ เพอร์เดนุก เป็นผู้กระทำผิด ความผิดที่ถูกกล่าวหาเกิดขึ้นระหว่างเดือนเมษายน ๒๐๒๒ ถึงกันยายน ๒๐๒๓

เจ้าหน้าที่รัสเซียเปิดเผยว่า “เคียฟยิงโดรนกามิกาเซ่ปีกคงที่ ใส่เป้าหมายในรัสเซีย เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนเรียกโดรนเหล่านั้นต่อสาธารณะว่า“ไม่ปรากฏหลักฐาน”แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบของประเทศของตนต่อการโจมตีดังกล่าว

โครงการโดรนกึ่งลับดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยในรายละเอียดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาโดยนิตยสาร The Economist ของอังกฤษ อธิบายว่านักพัฒนาโดรนที่แข่งขันกันในบางครั้งดำเนินการที่“ดูเหมือนจะเป็นโครงการประชาสัมพันธ์ที่ออกแบบมาเพื่อนำต้นแบบไปสู่ความสนใจของหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อของยูเครน แทนที่จะมีคุณค่าทางทหาร” บทความดังกล่าว ยังระบุอีกแง่มุมหนึ่งของสงครามจิตวิทยาของยูเครนในการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน เช่น ศูนย์กลางการเงินของมอสโกว์เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวและก่อกระแสความไม่พอใจต่อรัฐบาลปธน.ปูติน

บูดานอฟ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสื่อมากที่สุดในบรรดาผู้ถูกกล่าวหาชาวยูเครนทั้ง ๔ คน บอกกับสำนักข่าวเดียวกันเมื่อเดือนที่แล้วว่าหน่วยงานของเขาพยายามขัดขวางเศรษฐกิจรัสเซีย รวมถึงการบังคับให้สนามบินในมอสโกว์และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กต้องปิดระหว่างการโจมตีด้วยโดรน เขาอ้างว่าการโจมตีดังกล่าวไม่ทำให้ มีพลเรือนเสียชีวิต ซึ่งตรงกันข้ามกับรายงานท้องถิ่นที่ซึ่งระบุชัดว่าหลายครั้งทำให้พลเรือนเสียชีวิตรวมทั้งผู้หญิงและเด็ก

ในเดือนพฤษภาคมต้นปีนี้ หัวหน้าสายลับรายนี้แย้มว่าเขารับทราบว่าหน่วยงานของเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารบุคคลสาธารณะชาวรัสเซียด้วย

ที่ผ่านมายูเครนอาศัยหน่วยข่าวกรองตะวันตกและการเฝ้าระวังด้วยดาวเทียมเพื่อนำทางโดรนไปยังเป้าหมายในรัสเซีย The Economist รายงานเมื่อปลายเดือนกันยายนนี้เอง สนับสนุนคำกล่าวอ้างของมอสโกว์ที่ว่าชาติตะวันตกมีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตี“ผู้ก่อการร้าย” เหล่านี้

การเคลื่อนไหวของรัสเซียเป็นการตอบโต้ตะวันตกและบริวารอย่างเป็นทางการ การทหารแตกหักกันอยู่แล้วในสนามรบ แต่นอกสนามรบวันนี้ทางการทูต-การเมืองเป็นแบบผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ สงครามไม่ชนะเด็ดขาดยากจะหันหน้ามาคุยกันได้อีก ระยะนี้จึงได้เห็นข่าวคราวการรุกคืบอย่างทั่วด้านของรัสเซียทั้งด้านเศรษฐกิจ การทูตและการทหาร ขณะที่ฝุ่นตลบอยู่ในสหรัฐอเมริกา!!