สถานการณ์ล่าสุดของยุเครนแม่ตะวันตกยังยืนยันจะสนับสนุนให้รบกับรัสเซียต่อไป แต่ดูเหมือนว่าสหรัฐฯอาจต้องชลอการช่วยเหลือ ขณะที่สหภาพยุโรปมารับไม้ต่อประกาศจะส่งความช่วยเหลือให้เคียฟอีกแม้สหรัฐฯจะมีปัญหา ความจริงในสหรัฐฯนั้น กระแสความกังวลเกี่ยวกับการคอร์รัปชันของยูเครนมีมากกว่าที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านอย่างโปแลนด์ก็ร้าวฉานมากขึ้น
นอกจากนี้ความอ่อนแอของกองทัพที่เปิดเผยออกมามากขึ้น มีทหารขอยอมจำนวนถี่และจำนวนมากขึ้น แม้แต่ทหารรับจ้างต่างชาติต่างก็เกิดกระแสไม่แยแสกับความขัดแย้งในยูเครนพากันเมิน ขณะกองทหารรัสเซียกับเพียบพร้อมเฉียบทั้งคุณภาพและปริมาณ
ดูเหมือนว่าชะตากรรมของยูเครนอาจจะถึงจุดจบในเวลาเร็วกว่าที่คิด เมื่อปัจจัยต่างๆ ไม่เข้าข้างประเทศที่กำลังย่อยยับ โดยเฉพาะเซเลนสกี้ผู้นำที่กำลังเจอทั้งแรงต้านและแรงเทอย่างปิดไม่มิด
วันที่ ๓ ต.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่าเลโอนิด เรเช็ตนิคอฟ พลโทที่เกษียณอายุแล้วของหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ (SVR) ของรัสเซีย กล่าวว่า“ยูเครนใช้ทุกโอกาสเพื่อเสริมกำลังกองทัพของตน ซึ่งรวมถึงทหารรับจ้างด้วย”
ระหว่างวันที่ ๒๔ ถึง ๒๙ กันยายน กองทัพรัสเซียได้ทำการโจมตี ๙ ครั้งด้วยอาวุธระยะไกลและโดรนที่มีความแม่นยำ โดยมุ่งเป้าไปที่คลังกระสุน สถานที่ฝึก สิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร และศูนย์ควบคุมของ Foreign Legion หรือที่รู้จักในชื่อ International ซึ่งเป็นหน่วยทหารรับจ้างต่างชาติที่สร้างขึ้น ตามคำร้องขอของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เขากล่าวว่า “กองกำลังเหล่านี้ถูกใช้อย่างแข็งขันตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการ ดังนั้นกลุ่มทหารรับจ้างที่มีการประสานงานดีที่สุดบางกลุ่มจึงถูกจัดตั้งขึ้นเป็นหน่วยแยกกันเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต่อสู้โดยเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยยูเครนล้วนๆ แต่มีหน่วยของตัวเอง การประสานงานการต่อสู้โดยใช้ประสบการณ์ก่อนหน้านี้”
หนังสือพิมพ์กระแสหลักของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ผลการสอบสวนเรื่อง “การขับเคลื่อนอาสาสมัคร” ในต่างประเทศในยูเครน โดยเปิดเผยว่า ในความเป็นจริงแล้ว กองทหารนานาชาติยูเครนเหลือสมาชิกเพียง ๑,๕๐๐ คน ซึ่งห่างไกลจากตัวเลขที่ประกาศในตอนแรกว่ามีมาเข้าร่วมกว่า ๑๖,๐๐๐ คน ปรากฎว่าชาวต่างชาติจำนวนมากขาดทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางการทหาร ที่มีประสบการณ์ก็อยู่ไม่ได้เพราะปัญหาภายในกองทัพยูเครนเอง
แม้แต่ทหารผ่านศึกสหรัฐฯ ที่มีประสบการณ์ก็พบว่า กองทหารยูเครน”อยู่ในความสับสนวุ่นวาย” และ “การแย่งชิงอำนาจ”ภายในที่กลืนกินโครงสร้างกองทัพทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการรบ
แม้จะกระตือรือร้นที่จะสู้รบกับรัสเซียในช่วงเริ่มต้นของความขัดแย้งในยูเครน แต่ทหารล่าโชคลาภจำนวนมาก ก็หนีออกจากประเทศในไม่ช้า โดยอ้างถึงการขาดวินัย ปัญหาด้านลอจิสติกส์ การขาดแคลนกระสุน การคอรัปชั่น ขวัญกำลังใจที่ไม่ดี และการต่อสู้ที่เข้มข้นสูงขณะที่ฝ่ายรัสเซียนั้นเข้มแข็งเพรียบพร้อมกว่าทั้งคุณภาพและปริมาณ
ในด้านการสนับสนุนจากขาใหญ่ทั้งสหรัฐฯและประเทศสมาชิกนาโต้ เริ่มเห็นเค้าลางชัดว่าความช่วยเหลือจากโลกตะวันตกจะลดน้อยลง เพราะแต่ละประเทศในกลุ่มนาโตก็มีปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองและต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน
ขณะที่หลายประเทศเริ่มออกปากเสียงดังแล้วว่าการช่วยเหลือยูเครนนั้น ไม่ได้ประสบผลตอบแทนที่น่าพอใจเพราะยูเครนไม่สามารถยึดพื้นที่คืนได้แต่ต้องสูญเสียทหารมากมายแบบถมเท่าไหร่ไม่มีทางชนะ สิ่งที่คิดว่าเป็นความคุ้มค่าในการทำให้รัสเซียอ่อนแอกลายเป็นผลกระทบย้อนกลับสร้างปัญหาให้กลุ่มประเทศสมาชิกนาโตและประชาคมยุโรปอย่างแรง
ดูภาพรวมแล้ว นับถอยหลังได้เลยว่า จุดจบของเซเลนสกี้ส่อเค้าถูกทิ้งไว้กลางทาง อยู่แต่ว่าสหรัฐฯโดยไบเดนจะหาทางลงจากหลังเสือให้เซเลนสกี้แบบไหน ลงเองแล้วหนีหาย หรือรัฐประหารจากมือที่มองไม่เห็น!!??