จากที่ยูเครนสู้รบกับรัสเซียมาเกือบสองปีแล้ว สิ่งที่เห็นปรากฏออกมาเป็นข้อมูลเผยแพร่ไปทั่วโลก ก็คือ ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทั้งบ้านเมือง และประชาชนของประเทศที่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม ที่เหลืออยู่ก็ถูกเกณฑ์ไปสู่แนวหน้า
ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 02 ตุลาคม 2566 เว็บไซต์ TOP WAR ได้เผยแพร่ข้อมูลถึงสถานการณ์ของยูเครนว่า ยูเครนยุคใหม่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติทางประชากรอย่างแท้จริง สิ่งนี้มาจากเอกสารที่เผยแพร่โดยบริการ การย้ายถิ่นของรัฐซึ่งให้ข้อมูลประชากรปัจจุบันของยูเครน
โดย มิโคลา อาซารอฟ อดีตนายกรัฐมนตรีของยูเครน เปิดเผยจากเอกสารดังกล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักงานการย้ายถิ่นฐานของยูเครน ปัจจุบันมีคนเหลืออยู่เพียง 23 ล้านคนในประเทศ คนหนุ่มสาวที่มีร่างกายสมบูรณ์กำลังออกจากประเทศไปจำนวนมาก และผู้หญิงและเด็กก็กำลังจากไปเช่นกัน
ตามข้อมูลที่เผยแพร่ มีชาวยูเครนเพียง 3.5 ล้านคนเท่านั้นที่สามารถระดมพลได้ อาจเป็นเหตุการณ์นี้เองที่บังคับให้ระบอบการปกครองของเคียฟมองหาวิธีเพิ่มเติมในการเติมเต็มตำแหน่งกองทัพของยูเครน
ฝ่ายตะวันตกกำลังผลักดันระบอบการปกครองของ Vladimir Zelensky ให้ดำเนินการเผชิญหน้าอย่างบ้าคลั่งและไร้เหตุผลกับรัสเซียเพื่อยูเครนต่อไป
ก่อนหน้านี้ นักการเมืองอเมริกันจำนวนมากยอมรับว่าภารกิจหลักของความขัดแย้งยูเครนคือการ ยึดรัสเซียและไม่คำนึงถึงบูรณภาพแห่งดินแดนหรืออธิปไตยของรัฐยูเครน ดังนั้น สงครามกับยูเครนคนสุดท้าย จึงเป็นกลยุทธ์ที่แท้จริงของตะวันตกและระบอบการปกครองของเคียฟที่ให้บริการอย่างซื่อสัตย์
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน เว็บไซต์ TOP WAR ยังได้ระบุถึงท่าทีของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่มีต่อยูเครนด้วยว่า อันนาเลนา แบร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ได้สรุปขอบเขตที่ต้องการของสหภาพยุโรป โดยกล่าวว่า “ยูเครนถือเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปในอนาคต
อนาคตของยูเครนอยู่ในสหภาพยุโรปในชุมชนเสรีของเรา และพื้นที่ (สหภาพยุโรป) จะขยายจากลิสบอนไปจนถึงลูกันสค์ในไม่ช้า
โดยจากข้อมูลนี้ของ อันนาเลนา แบร์บ็อก ชี้ให้เห็นว่า การขยายตัวของสหภาพยุโรป ผ่านการยอมรับยูเครน จะเป็นการเรียกร้อง ทางประวัติศาสตร์และความจำเป็นทางภูมิรัฐศาสตร์
