จากที่สถานการณ์ในยูเครนทำให้หลายชาติต่างเริ่มไม่ส่งอาวุธและงบช่วยเหลือ โดยส่วนหนึ่งมาจากที่ประชาชนออกมาประท้วงรัฐบาลซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องหลายประเทศ รวมทั้งการให้ปิดฐานทัพทหารของกลุ่มนาโต้ด้วย
ล่าสุดวันที่ 22 กันยายน 2566 สื่อต่างประเทศรายงาน ตำรวจบัลแกเรียปะทะกับบรรดาผู้สนับสนุนพรรค Vazrazhdane party ที่ออกมาประท้วงต่อต้านนโยบายโปรตะวันตก เรียกร้องรัฐบาลลาออก และปิดฐานทัพทหารของนาโต
ทั้งนี้ผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่คัดค้านจุดยืนของบัลแกเรีย ชาติสมาชิกอียู กรณีให้การสนับสนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย ออกมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา โบกธงชาติบัลแกเรียและธงชาติรัสเซีย เป่านกหวีด และเรียกร้องให้ยุบสภาจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด ในประเทศที่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว 5 รอบ หลายคนตะโกนว่า ออกไป
ขณะที่ตำรวจปราบจลาจลติดอุปกรณ์เต็มพิกัดถูกส่งเข้าคุ้มกันอาคารราชการทั้งหลาย ในนั้นรวมถึงกระทรวงกลาโหม บริเวณที่มีผู้ประท้วงบางส่วนปาไข่เข้าใส่
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา บัลแกเรียเป็นหนึ่งในผู้จัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังได้ยกเลิกมาตรการแบนนำเข้าธัญพืชจากยูเครนด้วย
“ชาวบัลแกเรียไม่ต้องการมีส่วนร่วมในสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เราต้องการเป็นประเทศเป็นกลาง” เนลี ยูเลโควา นักธุรกิจหญิงวัย 60 ปีกล่าว เธอบอกว่าผู้คนชาวบัลแกเรียคัดค้านการส่งมอบอาวุธแก่ยูเครน “ซึ่งรังแต่จะปลุกปั่นสงครามเพิ่มเติม”
สำหรับผู้ประท้วงบางส่วน ยังได้ชูป้ายข้อความ มีใจความว่า “เอาฐานทัพอเมริกาออกไป!” และ “บัลแกเรีย คือเขตแห่งสันติภาพ” อ้างถึงการเปิดฐานทัพทหารแห่งใหม่ในสมาชิกนาโตแห่งนี้
“คำสั่งล่าสุดที่มาจากสหรัฐฯ นายเหนือหัวของบัลแกเรีย คือ สำหรับบัลแกเรียแล้ว ให้สร้างฐานทัพทหารแห่งใหม่” คอสตาดิน คอสตาดินอฟ แกนนำพรรค Vazrazhdane party บอกกับฝูงชน รวมทั้งคำกล่าวขับไล่ “นาโต ออกไป”
ขณะที่ในวันเดียวกันนี้มีความเคลื่อนไหวจากเว็บไซต์ TOP WAR ที่ระบุว่า ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเบลารุส อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ออกมากล่าวถึงมั่นใจว่า ความตึงเครียดระหว่างโปแลนด์และยูเครนไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศถูกกำหนดโดยชาติตะวันตก
“คุณคิดว่าโปแลนด์กำลังบดขยี้ยูเครนที่ยากจนในวันนี้หรือไม่ เพราะเหตุใด พวกเขาให้การดำเนินการล่วงหน้าจากต่างประเทศแล้ว: เราต้องทิ้ง Zelensky นี้ เขาเบื่อแล้ว” ผู้นำเบลารุส กล่าว
นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าคำกล่าวของผู้นำเบลารุส สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วยูเครน ตัวแทนของระบอบการปกครองเคียฟพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ตลกอย่างต่อเนื่อง และพันธมิตรของพวกเขาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมในการช่วยเหลือมากขึ้นเรื่อยๆ