จากที่สำนักข่าวสปุ๊ตนิก และมิลิทารี่โครนิเคิล เปิดเผยถึงกองทัพยูเครนใช้โดรน AFU โจมตีเรือลาดตระเวนเซอร์เก โคตอฟ (Sergei Kotov) ของรัสเซียในกองเรือทะเลดำ
โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยอมรับว่า ยูเครนพยายามโจมตีเรือลาดตระเวนกองเรือทะเลดำเซอร์เก โคตอฟ ในน่านน้ำของทะเลดำด้วยเรือไร้คนขับ 5 ลำ ในระหว่างการขับไล่ เรือไร้คนขับของศัตรูถูกทำลายด้วยการยิงจากอาวุธมาตรฐานของเรือ
“ยูเครนใช้ขีปนาวุธร่อน 10 ลูก และเรือสปีดโบ๊ตไร้คนขับอีก 3 ลำ โจมตีอู่ต่อเรือริมทะเลดำเมื่อช่วงกลางดึก ทำให้เรือ 2 ลำซึ่งอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงได้รับความเสียหาย โดยทางกระทรวงฯ อ้างว่าสามารถยิงสกัดขีปนาวุธยูเครนได้ 7 ลูก ส่วนเรือสปีดโบ๊ตโจมตี 3 ลำก็ถูกเรือตรวจการณ์รัสเซียทำลายเช่นกัน”
ขณะสื่อต่างประเทศรายงานด้วยว่า รัฐบาลยูเครนอ้างว่าปฏิบัติการโจมตีเมืองเซวาสโตโปล (Sevastopol) บนคาบสมุทรไครเมียเมื่อเช้าวันพุธ ที่13 กันยายน ทำให้โครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือและเรือรบรัสเซียอีก 2 ลำพังเสียหายหนัก ซึ่งถือเป็นการจู่โจมครั้งใหญ่ที่สุดของฝ่ายยูเครนต่อฐานทัพกองเรือทะเลดำรัสเซีย (Black Sea Fleet) นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้น
ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจต่อมา เมื่อ Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความไว้เผยแพร่ไว้เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566 ถึงสถานการณ์ทั้งสองฝ่ายสู้รบว่า
สถานการณ์สงครามระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร NATO กับรัสเซีย ในสมรภูมิยูเครน ช่วงนี้มีสภาวะทรงตัว ฝ่ายบุกคือ กองกำลังผสม NATO ย่อยยับอย่างหนัก นับจากวันบุกใหญ่ 4 มิถุนายน 2566 – 12 กันยายน 2566 เวลาแค่ 3 เดือนกว่า
สูญเสียกำลังทหาร 71,500 นาย สะสมราว 530,000 นาย บาดเจ็บสาหัสพิการคูณ 3 เท่า หรือ หมดกำลังรบไปกว่า 2 ล้านนาย แทบไม่เหลือกำลังที่ฝ่าย NATO ฝึกฝนมาให้เป็นหน่วยรบแรมโบ้อีกแล้ว ทหารโปแลนด์ ที่รอดชีวิตปาฏิหารย์ให้ข้อมูลว่าทุกๆ 1 เมตรที่บุกตีฝ่าชายแดนรัสเซียชั้นแรก ฝ่ายบุกจะสูญเสียทหาร 1 นายเสมอ
รัสเซียไม่ส่งทหารออกมาสู้ แต่พวกเขาอยู่แนวหลังไปไกลหลายสิบกิโลเมตรแล้วประเคนสวนออกมาด้วยปืนใหญ่นำวิถี ฝูงโดรนพลีชีพชุมยิ่งกว่ายุง สไนเปอร์ ทิ้งระเบิดยักษ์ FAB และพื้นดินเต็มไปด้วยทุ่นระเบิดหลายล้านลูก มันคือกำแพงนรกที่แข็งแกร่ง
เป็นเครื่องบดเนื้อสุดโหดไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ยานรบดีๆ ของ NATO จะเจาะฝ่าแนวหน้าชั้นแรกไปได้โดยไม่พังและทหารยังมีชีวิตรอด ดังนั้นรัสเซีย จึงเรียนรู้กว่าปักหลักสวนด้วยลูกยาว เก็บแต้มง่ายๆ ย่อมได้เปรียบกว่าฝ่ายบุก
ช่วงนี้ฝ่ายสัมพันธมิตร NATO จะเน้นการประโคมข่าวเกินจริง เพื่อเบี่ยงประเด็นแนวหน้าสู้รบ วันก่อนเพิ่งประกาศชัยชนะว่ายึดแท่นขุดเจาะน้ำมัน Boyko ในทะเลดำคืนมาได้ แต่ความจริง คือ แท่นขุดเจาะร้าง
ที่ในหลุมขุดเจาะใต้ทะเลหมดปริมาณน้ำมันสำรองไปนานแล้ว ห่างจากคาบสมุทรไครเมียไปทางตะวันตกหลายสิบกิโลเมตร ไม่กี่นาทีจากนั้น เครื่องบินกองทัพเรือรัสเซีย ได้ยิงอาวุธทำลายเรือทหารความเร็วสูง Willard Sea Force ของสหรัฐ 3 ลำพร้อมกลุ่มยกพลขึ้นบก 60 นาย ที่มีทหารอเมริกันกว่าสิบนายด้วย เป็นอาหารปลาทั้งหมด