“การรุกตอบโต้” ของยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งยืดเยื้อมาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว ได้ยืนยันโดยพื้นฐานแล้วว่ายุทโธปกรณ์ทางทหารของตะวันตกไม่ได้เหนือกว่าอาวุธของรัสเซีย ส่งมาหวังเปลี่ยนเกมถูกทุบแหลกหน้างายมานับไม่ถ้วน
เมกา-นาโต้หวังจะได้เห็นกองทหารจู่โจมของยูเครนบุกโจมตีแนวป้องกันของรัสเซียด้วยความช่วยเหลือจากยุทโธปกรณ์ทางทหารของตะวันตกจำนวนมหาศาล รัฐบาลเคียฟและผู้สนับสนุนกลับพบว่ากองกำลังรัสเซียมีฐานที่มั่นอย่างดีเยี่ยม และได้ทำลายล้างทุกสิ่งที่ขว้างมาที่พวกเขาอย่างเป็นระบบ
แล้วรัสเซียใช้เครื่องมืออะไรในการทำลายเครื่องจักรสงครามยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากอำนาจทางการเงินและการทหารทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาและ NATOเล่า?
วันที่ ๑๕ ก.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า ผลการรบตลอด๑๘เดือนพิสูจน์ชัดว่า พลังศักยภาพในอาวุธและยุทโธปกรณ์ของรัสเซียเหนือกว่านาโต้ แม้จะยังไม่ได้ควักขีปนาวุธพิฆาต นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีออกมาใช้ด้วยซ้ำ จุดแข็งของรัสเซียปรากฎชัดในสนามรบทั้งภาคท้องฟ้าและภาคพื้นดิน
พลังอาวุธทางอากาศ ความได้เปรียบในแนวรบท้องฟ้าที่โดดเด่นของรัสเซีย เช่น เฮลิคอปเตอร์โจมตี Ka-52ที่เรียกกันทั่วไปว่า “จระเข้บิน” ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองค่อนข้างมาก โดยโจมตีเกราะของยูเครนและหายตัวไปก่อนที่ศัตรูจะทันได้ตั้งหลักและตอบโต้ได้
โดรนของรัสเซียยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความเชี่ยวชาญในการจัดการกับการโจมตีทรัพย์สินทางทหารของยูเครนอย่างคึกคัก ตัวอย่างเช่น Lancet-3 กลายเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับเจ้าหน้าที่ยูเครน เนื่องมาจากความสามารถอันน่าทึ่งในการโจมตียานเกราะ สถานีเรดาร์ และแม้แต่ระบบป้องกันทางอากาศที่แม่นยำและทำให้พิการ
แนวป้องกันสุดแกร่ง เมื่อกองกำลังยูเครนรีบเร่งไปยังแนวป้องกันแรกของรัสเซีย พวกเขาก็พบกับอุปสรรคอย่างรวดเร็วในรูปแบบของทุ่นระเบิด ที่เปลี่ยนการรุกคืบของยูเครนให้กลายเป็นการโวยวายนองเลือดสำหรับกองกำลังเคียฟ-นาโต้ ที่เปิดเผยคือเป็นระบบการวางทุ่นระเบิดเคลื่อนที่เซมเลเดลิเย ซึ่งแปลว่า “เกษตรกรรม” ในภาษารัสเซีย (ISDM Zemledeliye) ที่กองทหารรัสเซียใช้
ปืนใหญ่สุดจ๊าบ พลังทำลายล้างของกองกำลังเฉพาะสาขานี้ของกองทัพรัสเซียปรากฏชัดเจนเป็นพิเศษในช่วง “การรุกตอบโต้” ของยูเครน เมื่อกองทหารยูเครนที่สามารถผ่านเขตทุ่นระเบิดมักจะถูกยิงด้วยปืนใหญ่ก่อนที่พวกเขาจะเข้ายึดครองกองกำลังรัสเซียได้ รัสเซียใช้ทั้งปืนใหญ่-ปืนครกอัตตาจรและปนครกหนักขับเคลื่อนตัวเองอย่างยัลปัน (Tyyulpan)ขนาด ๒๔๐ มม. ที่สามารถยิงกระสุนหนัก ๑๓๐ กก. ไปยังเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปถึง ๑๘ กม.
กองทัพรัสเซียยังใช้ระบบปล่อยจรวดหลายระบบ เช่น BM-21 Grad และ Tornado-G ขนาด ๑๒๒ มม. BM-27 Uragan ขนาด ๒๒๐ มม. และ BM-31 Smerch ขนาด ๓๐๐ มม.
แม้ว่าระบบอาวุธเหล่านี้จำนวนมากจะได้รับการพัฒนาและนำมาใช้ในยุคโซเวียต แต่ก็พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพค่อนข้างมากในการต่อต้านยุทโธปกรณ์ทางการทหารของตะวันตกที่คุยว่าเหนือกว่าทันสมัยกว่า ตอนนี้หัวร่อไม่ออก
อาการจนแต้มหมดมุกของเมกาที่หวังจะขย่มรัสเซียให้อ่อนแอแพ้พ่าย ชัดมากเมื่อบลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯเปิดแผนที่จะกดดันรัสเซีย ทำได้แค่จะคว่ำบาตรเพิ่มเติมด้านอุตสาหกรรมทางทหาร และภาคการเงิน ลืมไปกระมังว่าคว่ำบาตรมากว่า ๑๑ ครั้งจนไม่รู้จะคว่ำอะไรอีกแล้ว และหนึ่งปีผ่านไปพบว่าแป้ก บริวารทั้งหลายคว่ำบาตรปลอมโดยเฉพาะด้านพลังงาน ภาพรวมของสถานการณ์ในวันนี้จึงบ่งชี้ชัดว่า เมกา-นาโต้แพ้รัสเซียแล้วในเกมสงครามตัวแทนยูเครน!!