“โลกกาภิวัฒน์หรือระเบียบโลกเก่าจบลงแล้ว” เป็นคำประกาศของวีไอพีสหรัฐฯเอง และท้าทายอีกว่า วอชิงตันจะต้องรักษาความเป็นผู้นำ “จากตำแหน่งที่เข้มแข็ง”นี้ต่อไป เขาพูดในวันที่ปูตินและคิม จองอึนจับมือกันประกาศท้าทายมหาอำนาจโลกขั้วเก่าแองโกลแซกซอนที่มีสหรัฐฯเป็นหัวโจก
วันที่ ๑๔ ก.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่า แอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวที่โรงเรียนการศึกษานานาชาติขั้นสูงแห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ว่า “การแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นของสหรัฐฯกับรัสเซียและ จีน ถือเป็นจุดสิ้นสุดของระเบียบโลกก่อนหน้านี้ สิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้เป็นมากกว่าการทดสอบคำสั่งหลังสงครามเย็น แต่มันคือจุดจบของมัน”
รัฐมนตรีต่างประเทศอ้างว่าปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครนเป็น “ภัยคุกคามที่ฉับพลันและรุนแรงที่สุดต่อระเบียบระหว่างประเทศ” “ขณะเดียวกัน สาธารณรัฐประชาชนจีนเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญที่สุดในระยะยาว เพราะไม่เพียงแต่ปรารถนาที่จะปรับเปลี่ยนระเบียบระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเติบโตมีอำนาจทางเศรษฐกิจ การทูต การทหาร และเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”
บลินเกนกล่าวย้ำว่า “ปักกิ่งและมอสโกว์กำลังทำงานร่วมกันเพื่อทำให้โลกปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับระบอบเผด็จการ ดังนั้นโลกกำลังประสบกับช่วงเวลาสำคัญ ยุคหนึ่งสิ้นสุดลง และอีกยุคหนึ่งเริ่มต้นขึ้น การตัดสินใจที่จะเกิดขึ้นตอนนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตไปอีกหลายทศวรรษ
อาการแบบนี้ส่อเริ่มป๊อด เพราะผิดแผนหลายเรื่องทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการทหาร แม้แต่การทูต จะเห็นหลังบ้านเมกาและเจ้าอาณานิคมเก่า เดินสายพบรัสเซีย-จีนกันคึกคักไม่เกรงใจเมกาอีกแล้ว ตัวอย่างเช่นละตินอเมริกาและอาฟริกา
รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่ระเบียบการทูตแบบใหม่ ซึ่งวอชิงตันจะต้องเป็นผู้นำในการเอาชนะภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากรัสเซียและจีน โดยการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศต่างๆเมื่อระบบเก่าล้มเหลว
บลิงเคนกล่าวว่าพันธมิตรจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของวอชิงตัน ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนพิสูจน์ให้เห็นว่า“การโจมตีระเบียบระหว่างประเทศไม่ว่าจะที่ใดก็ตามจะทำร้ายผู้คนทุกแห่ง สหรัฐฯ ตั้งเป้าเพื่อให้แน่ใจว่ายูเครนจะเอาชนะรัสเซียและหลุดพ้นจากความขัดแย้งในฐานะประเทศประชาธิปไตยที่มีชีวิตชีวาและเจริญรุ่งเรือง” โหพูดอย่างกับว่านานาชาติตาบอดไม่เห็นสภาพยูเครนว่าเป็นอย่างไร แม้แต่ทหารยูเครนในแนวหน้ายังรู้แล้วว่า ยูเครนจะไม่อาจชนะทั้งในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ แต่เมกายังคงดุนหลังให้ยูเครนสู้จนเหลือคนสุดท้ายเพื่อประโยชน์ของวอชิงตัน
มาดูคำตอบจากรมว.ต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ เขากล่าวในการประชุมกับนานาชาติล่าสุดว่า “ประชาคมโลกเบื่อหน่ายกับ “การขู่กรรโชกและความกดดัน” จากชนชั้นสูงชาวตะวันตก ความพยายามของ“กลุ่มตะวันตก”ที่จะรักษาอำนาจของตนนั้นให้ผลตรงกันข้าม ได้กระตุ้นให้“คนส่วนใหญ่ในโลก” ที่แท้จริง ละทิ้งและปฏิเสธการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของตนโดยรัฐต่างประเทศ BRICS จึงเติบใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน”
ชัดเจนแล้วว่า The Great Reset ที่อเมริกาหวังว่าจะได้ชิงครองบัลลังก์โลกอีกครั้งถูกพันธมิตรโลกหลายขั้วขวางไว้ บลิงเคนชี้ชัดว่าคู่แข่งสำคัญคือ รัสเซียและจีน ทำให้ต้องขยี้ศัตรูหลักให้พัง และเคาะกะลาหาพวกอย่างเปิดเผยแบบไม่เคยปรากฎมาก่อน ส่งสัญญาณให้ประเทศต่างๆเลือกข้างเสียแต่โดยดี นี่อาจเป็นสัญญาณดิ้นเฮือกสุดท้ายของมหาอำนาจเดี่ยวแองโกลแซกซอนที่นำโดยสหรัฐฯ และจะนำไปสู่สงครามทำลายล้างครั้งใหม่ที่โลกไม่อาจปฏิเสธได้ เพียงแต่ว่าจะระเบิดที่จุดวาบไฟไหนก่อน!!??