จากที่สถานการณ์ของยูเครนกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอีกครั้ง ซึ่งรอบนี้ถูกจับตาว่าจะสาหัสรุนแรงกว่าปีที่แล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวถึงการถอยของบรรดาชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างสหรัฐและกลุ่มประเทศนาโต้นั้น
ทั้งนี้ ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Blockdit ถึงสถานการณ์ของยูเครนไว้หลายข้อความต่อเนื่อง ที่มีความน่าสนใจต่อความพ่ายแพ้ที่จะส่งผลต่อโลกว่า “ลาฟรอฟบอกว่า โลกจะเปลี่ยนเมื่อสงครามที่ยูเครนยุติลง
ความหมายก็คือโลกจะยอมรับว่ากองทัพรัสเซียชาติเดียวสามารถจัดการกองทัพนาโต้ที่อเมริกาเป็นหัวโจกได้โดยไม่ต้องเรียกให้เพื่อนมาช่วยเลย
แม้ว่าสื่อที่ CIA คุมจะแต่งข่าวลวงโลกว่ามีประเทศโน้นประเทศนี้ส่งอาวุธมาช่วยรัสเซีย เพื่อสร้างภาพว่ากองทัพยูเครนมีนานาชาติรุมอยู่ รัสเซียประเทศเดียวเท่านั้นที่รบกับกองทัพยูเครนที่มีนาโต้และภาคีมากกว่า ๔๐ ประเทศช่วยเหลือในขณะนี้
หลังจากชนะสงครามในยูเครน นานาชาติจะเชื่อมั่นในกลุ่ม BRICS และกองทัพรัสเซียมากยิ่งขึ้น ประเทศไหนที่กำลังถูกอเมริการุกรานอยู่ก็จะขอให้รัสเซียช่วยและรัสเซียก็จะช่วยได้ ทำให้ประเทศต่างๆ ต่างพากันแสวงหาเอกราชให้ประเทศของตนเอง
เมื่อดอลลาร์ถูกทิ้งลงมาก จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาก็ล่มสลายลง แต่ถ้าเกิดสงครามนิวเคลียร์กับรัสเซียก่อนล่มสลาย แผ่นดินอเมริกาจะถูกอานุภาพของขีปนาวุธซาร์มัตซึ่งเป็นขีปนาวุธที่อันตรายที่สุดในโลกถล่มราบเป็นหน้ากลอง และจะกลับไปเป็นประเทศโลกที่ ๓ อย่างสมบูรณ์ ประเทศที่ถูกอเมริกายึดครองอยู่ก็จะเป็นไทถ้วนหน้าแล
“ทหารรัสเซียบุกจับกุมทหารยูเครน:ทหารรัสเซีย ๔ นายพากันวางแผนบุกเข้าไปถล่มทหารยูเครนถึงที่ซ่อนซึ่งเป็นโพรงถ้ำเล็กๆ อยู่ จึงพากันย่องเข้าไปที่ปากถ้ำ
จากนั้น หนึ่งในทหารทั้ง ๔ คนก็ตะโกนบอกดังๆ ทำนองว่า ‘พวกเราสนธิกำลังกันล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว ไม่อยากตายก็ขอให้วางอาวุธแล้วออกมามอบตัวเสีย ทหารยูเครน ๑๑ นายหลงเชื่อจึงยอมให้ทหารรัสเซีย ๔ นายจับแต่โดยดี”
“มีเรื่องต้องเล่า เกี่ยวกับบังคลาเทศ:รัฐบาลบังคลาเทศในปัจจุบันหันหน้าเข้าหา BRICS เต็มตัวเพราะเบื่ออิทธิพลอเมริกาที่เข้าไปแทรกแซงการเมืองภายใน โดยเฉพาะเรื่องพวกโรฮีนจาซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือก่อกวนเมียนมาร์ ทำให้บังคลาเทศกับเมียนมาร์ขัดใจกันบ่อย
ตั้งแต่ต้นปีมานี้ พอบังคลาเทศแสดงท่าทีว่าจะสมัครเข้าเป็นสมาชิก BRICS ด้วย จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาเป่านกหวีดให้เครือข่ายสงครามพันทางก่อกวนด้วยวิธีพากันออกมาประท้วงหลายครั้ง
หลังจากเหตุการณ์สงบดีมาได้สักพัก บังคลาเทศตัดสินใจเชิญลาฟรอฟมาเยี่ยมประเทศเพื่อเป็นกำลังใจให้ฝ่ายที่ต่อต้านจักรวรรดิ์นิยมอเมริกากันถ้วนหน้า ลาฟรอฟรู้สถานการณ์ดีจึงเดินทางมาเยี่ยม”