จากที่สถานการณ์ของยูเครนยังคงเป็นฝ่ายตั้งรับกองทัพรัสเซีย ท่ามกลางวิกฤตกำลังพลและอาวุธที่ขาดแคลนยิ่งขึ้น ซึ่งมีรายงานถึงการสั่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศเพื่อให้ออกไปรบที่แนวหน้านั้น
ล่าสุดวันที่ 08 กันยายน 2566 Blockdit World Update ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเหตุการณ์ในยูเครนในการเกณฑ์คนไปรบว่า ช่วงปีครึ่งของสงครามระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร NATO กับรัสเซีย ในสมรภูมิยูเครน ปัจจัยสงครามเงินและอาวุธส่วนใหญ่กว่า 50% ให้กู้ยืมจากสหรัฐ และอีกเกือบ 50% ให้กู้ยืมจากสหภาพยุโรป และพันธมิตร
ในช่วงหลังมาทั่วโลก จึงเริ่มรับรู้สถานการณ์ว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างยูเครน กับรัสเซีย แต่คือความขัดแย้งระหว่างฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียวชาวตะวันตกและบริวาร กับฝ่ายจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้วชาวตะวันออกและผองเพื่อน
เมื่อวันก่อนนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางโดยรถไฟไปเมืองหลวงกรุงเคียฟ พบกับนายคูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ที่ได้พาเจ้าหนี้ใหญ่ผู้มาเยือนไปที่สุสานทหารยูเครน ที่ตกตะลึงคือ เฉพาะสุสานแห่งนี้แค่แห่งเดียว มีหลุมฝังร่างทหารกว่า 400,000 นาย ยังไม่นับสุสานทหารแห่งอื่นๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศอีกหลายสิบแห่ง
รัฐสภาสหภาพยุโรป แถลงว่าทหารยูเครนสูญเสีย 500,000 นาย ยังไม่รวมผู้สูญหายอีกจำนวนมาก ฝ่ายบริหารของรัฐบาลไบเดน ประเมินว่ากองกำลังผสมในยูเครน ได้ทุ่มกำลังสำรองส่วนใหญ่ไปหมดแล้ว มีการสูญเสียและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก แต่ไม่มีความคืบหน้าใดเลย ด้วยกำลังสำรองที่เหลือน้อยนิด จากนี้ไปจึงจะไม่สามารถก้าวหน้าไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
จะบุกไปตีแนวหน้ารัสเซีย ได้อีกนานประมาณ 6-7 สัปดาห์ ราวสิ้นเดือนตุลาคม 2566 เท่านั้น ทหารกำลังสำรองที่เหลือก็จะหมดสต็อคถึงคนสุดท้าย จำเป็นต้องยุติการรบชั่วคราวไว้ก่อน จนกว่ายูเครนจะเรียกคืนผู้อพยพลี้ภัยชายจากโปแลนด์ และประเทศต่างๆ กลับไปจัดกำลังทัพใหม่ได้อีกครั้ง
รัฐบาลยูเครน ได้ส่งหนังสือ ทวงชายฉกรรจ์ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนไปถึงประเทศต่างๆ แล้ว รัฐมนตรีมหาดไทยออสเตรีย สหภาพยุโรป เพิ่งแถลงว่าแม้จะมีคำร้องขอจากยูเครน ให้ช่วยเนรเทศชายผู้ลี้ภัย จำนวนกว่า 14,000 คน ส่งกลับไปให้ยูเครนเกณฑ์เป็นทหาร แต่จะไม่ปฏิบัติตามตามคำขอดังกล่าว เพราะเท่ากับส่งพวกเขาไปฝังในสุสาน
ล่าสุดรัฐบาลยูเครน ได้ออกประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ผู้หญิงทุกคนที่ประกอบอาชีพแพทย์ เภสัชกร พยาบาล ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ต้องไปลงทะเบียนเป็นทหารเกณฑ์ในกองทัพ เพื่อไปรบแนวหน้าของสงคราม
สต็อคทหารกำลังพลสำรองยูเครน เป็นปุ๋ยไปแล้วเกิน 90% เหลือราว 10% ซึ่งเป็นกำลังพลที่ไม่พร้อมรบ ขาดทักษะทหารอาชีพ อ่อนแอ ส่งไปรบแนวหน้าเท่าไรก็จะถูกทำลายทิ้งเหมือนมดปลวก
ไม่สามารถระคายผิวกองทัพรัสเซียได้เลย แม้ว่าโปแลนด์จะช่วยไล่จับผู้อพยพชายตามคำขอ 80,000 ราย แต่คงไล่จับได้ไม่หมดป่านนี้คงเผ่นกระเจิดกระเจิง ขวัญผวาหนีไปชาติอื่นๆ กันแล้ว
และคงไม่ค่อยมีชาติพันธมิตร NATO ให้ความร่วมมือไล่จับชายยูเครนส่งกลับไปเป็นทหาร เพราะเป้าหมายแท้จริงคือ แบ่งเค้กฉีกดินแดนยูเครน ที่จับจองครอบครองแคว้นตามมูลค่าอาวุธและเงินที่แต่ละชาติลงทุนไปแล้ว
ที่น่าหวาดกลัวสำหรับกองกำลังผสมตอนนี้คือ จู่ๆ พบทหารรับจ้าง Wagner นักรบทมิฬ ปรากฎตัวที่แนวหน้าแคว้นซาโปริชเซีย พวกเขาขึ้นชื่อการรบนอกรูปแบบที่สุดโหดเกินบรรยาย ผลงานคือเครื่องบดเนื้อบัคมุทที่กวาดข้าศึกเป็นปุ๋ยไป 70,000 รายรวด
ทางเลือกยูเครนในยามนี้คือ ต้องบังคับเกณฑ์ผู้หญิงที่เหลือไปเป็นทหาร ส่งไปรบจนถึงคนสุดท้าย จึงจะทำให้บรรดาชาติ NATO บรรลุเป้าหมายครอบครองที่ดินที่จองไว้แน่นอน
Cr.https://www.blockdit.com/world.update
Cr.https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454
