จากที่มีรายงานถึงชาติกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันไม่ผลิตเพิ่มตามที่สหรัฐเรียกร้อง ทั้งยังมีชาติมหาอำนาจหันไปเข้ากลุ่ม BRICS ร่วมกันสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ ทำลายแบบเก่า ซึ่งมีนน้ำมันเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญนั้น
ทั้งนี้มีคืบหน้าในกรณีดังกล่าว โดย Blockdit World Update ได้ออกมาโพสต์ข้อความเผยแพร่ไว้เล่าสุดในวันนี้ (09 กันยายน 2566)ว่า
ชาติที่ผลิตพลังงานน้ำมันส่งออกได้มากเป็นอันดับต้นของโลก และเป็นกลไกที่สำคัญในการควบคุมพลังงานและราคาน้ำมันโลก คือ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ (UAE) เป็นชาติในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OpecPlus ร่วมกับซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย ฯลฯ
และเพิ่งได้รับการอนุมัติให้เข้ากลุ่ม BRICS ที่นำโดยรัสเซีย จีน ฯลฯ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ที่เป็นฝ่ายจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้วรวมตัวกันเพื่อบ่อนทำลายเงินดอลลาร์
บริเวณใจกลางทะเลทราย ห่างจากกรุงอาบูดาบี ของ UAE ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 160 กิโลเมตร เดิมเป็นสถานที่ไม่มีคนอยู่อาศัย เพราะสภาพอากาศร้อนและพายุทราย แต่ปัจจุบันประเทศ UAE ได้สร้าง Bab Oilfield
ที่นี่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดใน UAE พนักงานส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ จากปากีสถาน อินเดีย และบังกลาเทศ ได้ทำงานบริษัทก่อสร้างวิศวกรรมปิโตรเลียมของจีน พวกเขาเสร็จสิ้นการก่อสร้างสถานี 60 แห่ง หัวหลุม 195 แห่ง สายส่ง 183 กิโลเมตร และท่อส่งน้ำมันยาวเกือบ 1,000 กิโลเมตร
ทำลายสถิติการผลิตที่ปลอดภัยระยะเวลา 66 ล้านชั่วโมง ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยรวมสำหรับรัฐบาล UAE มีมูลค่าเกิน 142,640 ล้านบาท
แหล่งผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดใน UAE นี้เป็นบริษัทร่วมทุนกับจีน ดังนั้นการส่งออกน้ำมันทางการค้าจึงกระทำด้วยระบบเปโตรหยวนตามข้อตกลงร่วมกันก่อนหน้า
เงินหยวนจีน มิได้มาแทนที่เงินดอลลาร์ทั้งหมด แต่มีเป้าหมายบั่นทอนลดสัดส่วนเงินดอลลาร์ในตลาดการค้าโลกลงจากปัจจุบันเหลือแค่ 39% ในอนาคตย่อมลดสัดส่วนลงเรื่อยๆ ตามกลไกการเงิน
เงินหยวน และเงินสกุลท้องถิ่นอื่นๆ ที่มี ทองคำค้ำประกัน โดยไม่มีการทำ QE พิมพ์เงินขึ้นมาเอง จะมีส่วนแบ่งสกุลเงินมากขึ้นในตลาดการค้าโลก เป็นการกระจายความแข็งแกร่งสกุลเงินท้องถิ่น และลดความเสี่ยงการครอบงำจากสกุลเงินดอลลาร์
ปัจจุบันนานาชาติทั่วโลก สามารถซื้อน้ำมันจาก UAE เป็นเงินสกุลอะไรก็ได้ที่มีทองคำค้ำประกันค่าเงิน และทำข้อตกลงร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องใช้เปโตรดอลลาร์ โดยซาอุดิอาระเบีย และชาติอาหรับก็เป็นแบบเดียวกัน
การละทิ้งดอลลาร์จึงมิได้หมายความว่าหายไปทั้งหมดจนไม่มีใครต้องการใช้ แต่หมายความว่าสัดส่วนในการค้าโลก ที่มีการซื้อน้ำมันเป็นปัจจัยหลักจะใช้ดอลลาร์ลดลง
เมื่อใช้กันน้อยลง ก็จะไปฉุดกระชากสัดส่วนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสกุลดอลลาร์ในธนาคารกลางทั่วโลกที่มีราว 59% ให้ลดสัดส่วนลงตามไปด้วยตามกลไกการเงินธรรมชาติ เพราะไม่มีความจำเป็นต้องเก็บสำรองดอลลาร์ไว้มาก
จนเกิดความเสี่ยงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนตีค่าเงิน และยังเสี่ยงจะถูกแบล็คเมล์โจมตีค่าเงินสกุลท้องถิ่นให้อ่อนค่าลงแบบหลายชาติในกลุ่มอาเซียนกำลังเผชิญในขณะนี้จนเกิดอัตราอัตราเงินเฟ้อรุนแรง
ลดสัดส่วนถือครองเงินดอลลาร์ลดลง กระจายความเสี่ยงไปถือครองเงินสกุลท้องถิ่นอื่นที่ขายน้ำมัน เพิ่มการถือครองเงินของชาตินั้นเป็นทุนสำรองฯ ไว้มากขึ้นเอาไว้จ่ายค่าน้ำมันสัญญาล่วงหน้า และกระจายซื้อน้ำมันจากหลายๆ ชาติหลากหลายขึ้น จะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานในประเทศ และคงอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำไว้ได้