เปิดบริษัทต่างชาติยึดพื้นที่เพาะปลูกยูเครนแทบเกลี้ยงปท. แฉสหรัฐ-ยุโรปขาดอาหารหนัก ราคาแพงลิ่ว คนอดยากยาวหลายปี

0

จากที่การผลิตธัญพืชของยูเครนได้รับผลกระทบจากการภาวะศึก ขณะที่ส่งผลด้านบวกกับคู่กรณีอย่างรัสเซีย ท่ามกลางรายงานที่เผยแพร่ออกมาว่า พื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่กลับกลายเป็นชาติตะวันตกที่เข้ามาเป็นเจ้าของ

ทั้งนี้รายงานที่น่าสนใจถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 04 กันยายน 2566 โดยBlockdit World Update ได้โพสต์ข้อมูลถึงกรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าติดตามว่า

Russian President Vladimir Putin holds a meeting with winners of state culture prizes via a video link at the Novo-Ogaryovo state residence outside Moscow on March 25, 2022. – President Putin on March 25 slammed the West for discriminating against Russian culture, saying it was like the ceremonial burning of books by Nazi supporters in the 1930s. (Photo by Mikhail KLIMENTYEV / SPUTNIK / AFP)

รัสเซีย เป็นผู้ผลิตธัญพืชส่งออกมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก กว่า 30 ล้านตันต่อปี ขนาดแหลมไครเมีย แค่เวลาปีเดียวที่รัสเซีย เปิดประตูเขื่อนในแคว้นติดชายทะเลดำที่ยูเครนเคยแกล้งปิดไว้ ไครเมียเก็บเกี่ยวธัญพืช ได้มากถึง 2.3 ล้านตัน เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี แม้แต่ในยุคสหภาพโซเวียต ก็ยังทำแบบนี้ไม่ได้

ข้อมูลจาก Agritel คาดว่าปี 2566-2567 จะยังไม่มีชาติใดล้มแชมป์รัสเซีย ที่จะยังคงครองตลาดธัญพืชต่อไป เฉพาะ 4 ชาติ คือ รัสเซีย บัลแกเรีย โรมาเนีย และยูเครน ส่งออกข้าวสาลี สัดส่วน 40% ของโลก

ภายหลังกุมภาพันธ์ 2566 ดินแดน 4 แคว้นทางใต้ของยูเครน ทำประชามติแยกเอกราชจากยูเครน ไปเป็นส่วนเพิ่มของรัสเซีย พื้นที่เพาะปลูกในยูเครนลดลงเหลือ 4.3 ล้านเฮกตาร์ ถูกถือครองโดยชาวต่างชาติจำนวนมากเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินและอาวุธ

โดยมีพื้นที่ประมาณ 3 ล้านเฮกตาร์ เป็นเจ้าของโดยบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่หลายสิบแห่ง เช่น ลักเซมเบิร์ก ไซปรัส สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ซาอุดีอาระเบีย

บริษัทของยูเครน คือ บริษัทที่ผลิตธัญพืชได้สัดส่วนน้อยที่สุดกว่าของต่างชาติแบบเทียบกันไม่ติด มีไว้แค่พอการบริโภคในประเทศเท่านั้น ธัญพืชที่ผลิตและส่งออกจากยูเครน จึงไม่ใช่ของยูเครน

เพราะพื้นที่การเกษตรในยูเครนนั้นเป็นของบริษัทต่างชาติซื้อไปจะหมดแล้ว การผลิตและส่งออกก็เพื่อขนธัญพืชเหล่านั้นกลับบ้านไปเลี้ยงดูพลเมืองของพวกเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับชาวยูเครน และชาวโลกยากจนทั้งสิ้น

นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติชาวตะวันตกยังเป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่อื่นๆ ที่ไม่ใช่พื้นที่เกษตรอีกด้วย ทำกิจการอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมสกัดน้ำมันจากหินไฮโดรคาร์บอน เมื่อเกิดสงครามทำให้บริษัทต่างชาติ ผลิตธัญพืชยูเครนได้น้อยลงเหลือ 9 ล้านตัน ปีนี้คาดว่าเหลือ 6 ล้านตัน ปีต่อไปเหลือ 4 ล้านตันตามลำดับ

เมื่อพื้นที่อุดมสมบูรณ์ราว 20% หลุดพ้นจากการปกครองยูเครนไปแล้ว ผลผลิตธัญพืชรัสเซียจะเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ในทางกลับกันผลผลิตธัญพืชของบริษัทสหรัฐ และยุโรป ในพื้นที่ยูเครนจะผกผันลดลง

ดังนั้นชาวสหรัฐ ยุโรป จะขาดแคลนอาหารอย่างหนักในปลายปี 2566 ต่อต้นปี 2567 ยาวไปอีกหลายปี ส่งผลให้ราคาอาหารจะแพงขึ้นไปกว่านี้อีกมาก เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น คนอดอยากมากขึ้น อาชญากรรมทวีคูณ

คาดว่ารัสเซีย จะกระหน่ำซ้ำโดยลดการผลิตน้ำมัน ดันให้ราคาสูงขึ้น บีบให้ยุโรปซื้อก๊าซแพงขึ้นจากแอฟริกา และทางเรือช่วงฤดูหนาวนี้ ยุโรปไม่ล้มละลายก็ใกล้เคียงแน่นอน

Cr.https://www.blockdit.com/world.update

Cr.https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454