ในโอกาสปีครึ่งของการเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป โลกก็ได้ตระหนักว่า ศึกยูเครนเป็นสงครามตัวแทนระหว่างเมกา-นาโต้กับรัสเซีย ที่ใช้ยูเครนเป็นกองหน้าต่อต้านรัสเซีย หวังกดรัสเซียให้อ่อนแอทางเศรษฐกิจ-การเมือง-การทหาร แต่ผลกลับตรงข้าม การเปิดศึกก่อนของปูตินจึงเป็นการชิงลงมือก่อนเป็นฝ่ายถูกกระทำ และปูตินพูดเสมอว่าสงครามเริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ รัฐประหารไมดาน ปฏิวัติส้มภาคสองของยูเครนภายใต้การหนุนหลังของยุโรปและอเมริกา
ล่าสุดในโอกาสเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่ ปธน.ปูตินได้พูดคุยกับเยาวชนนักเรียนนักศึกษาถึงจุดยืนของรัฐบาลและประเทศรัสเซียในสถานการณ์ปัจจุบัน
วันที่ ๒ ก.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์กล่าวว่า ปธน.ปูตินแห่งรัสเซีย กล่าวกับนักเรียนในการเริ่มต้นปีการศึกษาว่า “ความเข้มแข็งของประเทศถูกกำหนดโดยความมุ่งมั่นของประชาชน ประเทศของเราไม่สามารถพ่ายแพ้ได้”
เขากล่าวย้ำว่า “รัสเซียเป็นและยังคง“อยู่ยงคงกระพันอย่างแน่นอน” ทัศนคติของชาวรัสเซียทำให้ไม่มีใครสามารถเอาชนะประเทศนี้ได้
ประธานาธิบดีเล่าถึงประวัติครอบครัวของเขาเอง โดยเล่าให้นักเรียนฟังเกี่ยวกับบรรพบุรุษของเขาที่อาศัยอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ยายของเขาถูกทหารนาซียิงสาหัส แต่ถึงแม้ในขณะที่เธอกำลังเสียชีวิต เธอยังคงให้กำลังใจสามีของเธอ และบอกปู่ของปูตินว่า “อย่าร้องไห้” เพื่อไม่ให้เขาเสียใจในช่วงเวลาสุดท้าย
ประธานาธิบดีกล่าว “คุณเข้าใจความลึกซึ้งของความสัมพันธ์ระหว่างคนธรรมดา ในความรักครั้งนี้ไหม” พร้อมเสริมว่า แม้จะต้องเผชิญกับความตาย คุณยายของเขาก็ยังดูแลคนที่เธอรักอยู่ “เราจะไม่เอาแบบนั้นมาเป็นต้นแบบได้ยังไง” ปูตินยังกล่าวอีกว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวของเขารู้สึกเคารพซึ่งกันและกันอย่างสุดซึ้งและมี“วัฒนธรรมภายในที่แข็งแกร่ง”
ปูตินยังกล่าวอีกว่า “เขาเชื่อว่าครอบครัวส่วนใหญ่ในรัสเซียจะเป็นเช่นนี้ และสำหรับประเทศนี้ฉันเข้าใจว่าทำไมเราถึงชนะมหาสงครามแห่งความรักชาติ”ประธานาธิบดีอ้างถึงการต่อสู้ของโซเวียตกับนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่สองว่า “ไม่มีใครเอาชนะคนที่มีความคิดแบบนั้นได้” “รัสเซียจะอยู่ยงคงกระพันอย่างแน่นอน และตอนนี้เราก็ยังคงเป็นเช่นนั้น”
คำพูดของเขามีขึ้นในขณะที่รัสเซียติดอยู่กับความขัดแย้งกับยูเครนเพื่อนบ้านมานานกว่าที่ทุกคนคาดถึง พัฒนาการล่าสุดทำให้กองกำลังของเคียฟไม่สามารถเจาะแนวป้องกันของรัสเซียได้ในเวลาเกือบสามเดือนนับตั้งแต่เริ่มการรุกโต้ตอบของยูเครนที่โด่งดังอย่างมาก
กระทรวงกลาโหมรัสเซียย้ำชัดว่า ยูเครนสูญเสียทหารราว ๔๕,๐๐๐ นายและยุทโธปกรณ์หนักประมาณ ๕,๐๐๐ ชิ้นระหว่างต้นเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนสิงหาคม แม้ว่าวอชิงตันและพันธมิตรจะมอบความช่วยเหลือทั้งการเงินและทางทหารจำนวนมากก็ตาม
คำพูดของปูตินสะท้อนความเชื่อมั่นในประชาชาติรัสเซียของเขา ว่าจะฝ่าฝันคลื่นสงครามครั้งนี้ไปได้ด้วยชัยชนะ และถ่ายทอดความรู้สึกนี้ไปสู่เยาวชน นักรบ ประชาชนทั่วไปอย่างสม่ำเสมอ เพราะสงครามจะยังยืดเยื้อและผู้จุดพลุสงครามไปหลายภูมิภาคของโลกยังหวังรักษาอำนาจครอบงำโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ยูเครนเป็นเพียงฉากแรกที่กำลังจะเปิดประตูสู่ศึกใหญ่ที่โลกไม่อาจหลีกเลี่ยง!!??