จากที่มีรายงาน Younous-Bek Evkourov รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย พร้อมคณะเดินทางมาโผล่พบประธานาธิบดีอิบราฮิม ตราโอเรกิ ผู้นำบูร์กินาฟาโซ ที่เป็นศิษย์รักปูติน ที่เพิ่งทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลโปรฝรั่งเศสนั้น
ทั้งนี้รายงานเมื่อวันที่ 01 กันยายน 2566 ยังระบุว่า รัสเซีย ให้คำยืนยันถึงการสนับสนุนรัฐบาล คสช.บูร์กินาฟาโซ หารือการพัฒนาความร่วมมือทางกลาโหม และประเด็นต่างๆ ต่อยอดการประชุมครั้งก่อนกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ขณะที่ในวันเดียวกัน ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีการเยือนชาติแอฟริกาของรัสเซียด้วย รวมทั้งความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียที่น่าจับตาว่า “คณะรัฐประหารไนเจอร์ก้าวไปอีกขั้น ปลดสถานะทูตของฝรั่งเศส
หลังจากรัฐบาลไนเจอร์สั่งให้ทูตฝรั่งเศสออกไปจากไนเจอร์ภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ทูตฝรั่งเศสไม่ยอมไป เพราะมาครงไม่ให้ออกไป
รัฐบาลไนเจอร์จึงออกแถลงการณ์ปลดเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสให้พ้นสถานะความเป็นทูต กลายเป็นคนธรรมดาไปทันที ไม่มีเอกสิทธิ์ทางการทูตอีกต่อไป…อื่นๆโปรดติดตามตอนต่อไป
“กองทัพรัสเซียไปถึงประเทศบูร์กินาฟาโซแล้ว:กองทัพรัสเซียได้ส่งผู้แทนไปพบทีมคณะรัฐประหารที่ประเทศบูร์กินาฟาโซเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลฝรั่งเศส และรัฐบาลอเมริกาคงจะหนาวๆ ร้อนๆ ว่าทหารของตนอาจโดนยำเละเหมือนในยูเครนอีกแห่ง”
“กองทัพรัสเซียและซีเรียถล่มรังของกลุ่มก่อการร้ายที่ซีเรียอีกรอบ:ระยะนี้ กองทัพรัสเซียและซีเรียเร่งปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายที่อเมริกาและเครือข่ายนาโต้สร้างขึ้นมา
คราวนี้ถล่มทั้งที่จังหวัดฮามาและอิดลิบ แต่ละแห่งเละเป็นโจ๊ก ทั้งอาวุธ ทั้งคน โดนถล่มราบเรียบ อเมริกาเพิ่งส่งเงินไปช่วยอ้างว่าเป็นเงินทางมนุษยธรรม แต่เน้นไปช่วยชาวซีเรียที่เป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเป็นหลัก คงต้องหาเงินมาจัดหาอาวุธให้อีกแล้ว”
ก่อนหน้านี้ Blockdit World Update ที่โพสต์ข้อความไว้เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2566 ว่า ช่วงปี 2557 – 2558 รัสเซีย ทิ้งระเบิดยักษ์จากเครื่องบินรบ และยิงขีปนาวุธจากเรือรบโจมตีกลุ่มก่อการร้าย ISIS ฉายานักรบฮอลีวู๊ด เพราะเป็นฉากหน้าในเครือบริษัททหารรับจ้าง Black water สหรัฐ อีกที
มีการยั่วยุเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเมือง Idlib ทางตะวันตกของเขต Aleppo และทางตอนเหนือของ Latakia โดยกลุ่มก่อการร้าย Nusra กลุ่มย่อยสาขาของกลุ่ม ISIS
มีรายงานความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อพบเครื่องบินรบของกองทัพรัสเซีย ใกล้เคียงในพื้นที่โจมตี แต่เพียงทำการถ่ายภาพเป้าหมายทางอากาศผลการโจมตี นำไปวิเคราะห์ผลความแม่นยำของขีปนาวุธนักรบซีเรีย
แต่ที่เสียวหลังวาบสุด คือกองทัพเรือรัสเซีย ที่ประจำการนอกชายฝั่งซีเรีย ได้ยิงขีปนาวุธร่อนโจมตีสำนักงานใหญ่ของ ISIS ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลทรายระหว่างจังหวัด Homs และ Hama จนเกิดระเบิดขนาดใหญ่