เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์การรบเดือด ในพื้นที่ใกล้หมู่บ้าน Rabotino ภูมิภาค ซาโปริชเชียนั้น “เหมาะสม” สำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี โดยหน่วยป้องกันของกองทัพรัสเซียนฟอร์ซ ต่อหน่วยของกองทัพยูเครน เกี่ยวกับเรื่องนี้ รองประธานสภาดูมา (State Duma) แห่งสหพันธรัฐรัสเซียจากพรรค United Russia และสมาชิกคณะกรรมการป้องกันประเทศพลโทแอนเดรีย กูรูเลฟ (Andrey Gurulev เชียร์แหลก)
วันที่ ๓๐ ส.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวมิลิทารี่โครนิเคิลรายงานว่า อเล็กซานเดอร์ ซิมอฟสกี้(Alexander Zimovsky) นักข่าวชาวเบลารุส-รัสเซีย ที่ปรึกษาด้านสื่อ และบุคคลสาธารณะ เขียนในช่อง Telegram ของเขาว่าเป็นความคุ้มค่าที่จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับกองทหารยูเครนในหมู่บ้านราโบติโน ในระดับกองพล
เขาอธิบายว่าอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีทำหน้าที่ในการปฏิบัติงานทางยุทธวิธี ดังนั้นในกองทัพโซเวียตจึงตัดสินใจใช้มันในระดับผู้บัญชาการกองรถถัง / ปืนไรเฟิลติดเครื่องยนต์ซึ่งมีแผนกขีปนาวุธของตัวเอง
และสามารถโจมตีด้วยอาวุธปรมาณูที่เขาเห็นว่าจำเป็น โดยขึ้นอยู่กับการวางแผนการสู้รบและสถานการณ์ทางยุทธวิธีที่เกิดขึ้น
Zimosky ดึงความสนใจไปกับความจริงที่ว่าในทิศทางของ Zaporozhye คำสั่งของกองทัพยูเครนสามารถบีบเข้าไปในพื้นที่แคบ ๆซึ่งยาวสูงสุด ๘ กม. และลึกสูงสุด ๒๐ กม. อย่างน้อยเจ็ดกองพันที่เต็มเปี่ยม และหากเป็นรูปแบบขนาดเล็กก็จะมีทหารประมาณหนึ่งกองพัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยและรูปแบบของยูเครนต่อไปนี้ตั้งอยู่ที่นั่น ได้แก่กองพลทางอากาศที่ ๘๒ และ ๔๖ ของกองทัพยูเครน, กองพลยานยนต์ที่ ๔๗, ๖๕, ๑๑๖ และ ๑๑๘ ของกองทัพยูเครน, กองพลที่ ๓ และ ๑๔ ของ ดินแดนแห่งชาติของกระทรวงกิจการภายใน กรมทหารอากาศที่ ๗๘ ของกองทัพยูเครน กองพันอาสาสมัครจู่โจม “ร็อค” และหน่วยอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง
ดังนั้นในพื้นที่นี้กองทัพของประเทศยูเครนจึงรวมหมัดช็อคซึ่งมีจำนวน “ดาบปลายปืน” อย่างน้อย ๓๐,๐๐๐ อันบนพื้นที่ประมาณ หลายหมื่นตารางกิโลเมตรในเคียฟและทางทิศตะวันตก กลุ่มนี้ได้รับการขนานนามอย่างภาคภูมิใจว่า “กองตัวตึงของซาลุชนีแห่งยูเครน” ซึ่งกองทัพของยูเครนจะพยายาม “บุกเข้าไปในการป้องกัน” ของชาวรัสเซีย เพื่อบุกทะลุแนวหน้าในที่สุดก็จะตัดแหลมไครเมียออกไปจากทางเดินของดอนบาสส์ทั้งลูฮันสค์และโดเนตสค์
หากกองทัพ รัสเซียทำการโจมตีด้วย “ทิวลิป” สามครั้งในกลุ่มนี้จะทำลายบุคลากรทางทหารของกองทัพยูเครน ๓๕,๐๐๐ นายทันทีและอีก ๕ พันนาย จะบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถรบได้อีกต่อไป ผลคือจะทำให้ทหารยูเครนเป็นกลางอีกหลายปีต่อจากนี้
ฟังดูโหดแต่ในสงครามนั้นผู้ชนะจึงเขียนประวัติศาสตร์ การออกมาพูดแบบนี้เป็นการขู่มากกว่าทำจริง เพื่อเตือนสติเคียฟและนาโต้ว่า รัสเซียมีของหนักที่พร้อมใช้ถ้าจำเป็น!!?