ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อการบุกตอบโต้ของยูเครน การต่อสู้ดำเนินไปด้วยความสำเร็จของรัสเซียที่แตกต่างกันไปตามพื้นที่ทั้งหมด กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบไปทางเหนือ ขณะที่กองทัพยูเครนได้โยน กองกำลังทั้งหมดของเขา บุกทะลวงแนวป้องกันของรัสเซียทางตอนใต้
ล่าสุดระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธร่อนต่อต้านเรือของยูเครน เนปจูน และโดรน ๒๗ ลำในช่วง๒๔ ชั่วโมงที่ผ่านมา
วันที่ ๓๐ ส.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวมิลิทารี่รีวิวและสปุ๊ตนิกรายงานว่า กระทรวงกลาโหมได้เปิดเผยว่า การป้องกันทางอากาศของรัสเซียได้สกัดกั้นขีปนาวุธต่อต้านเรือของยูเครน “เนปจูน” ได้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษ ก่อนหน้านี้ว่ารายงานเพียงว่าเป็นการสกัดกั้น “ขีปนาวุธครูซ”
สิ่งแรกที่น่าสังเกตคือ เคียฟสามารถสร้างการผลิตขีปนาวุธต่อต้านเรือ Neptune ที่ไหนสักแห่งได้ เมื่อเป็นเช่นนี้กองเรือรัสเซียยิ่งจำเป็นต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ในเวลาเดียวกันกองกำลังรัสเซียได้ทำการโจมตีคลังสินค้า คลังการบิน คลังกระสุนทำลายเป้าหมายด้วยขีปนาวุธของรัสเซียมาโดยตลอด แสดงว่าเคียฟก็หมดขีปนาวุธร่อนที่ยิงทางอากาศจากอังกฤษ-ฝรั่งเศส ทำให้พวกเขาจึงต้องยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือเนปจูนที่หายากและเก็บงำไว้มานาน แม้ว่าจะมีทางเลือกอื่นจะเป็นไปได้ แสดงว่า ขีปนาวุธของนาโต้ร่อยหรอลงอย่างมากและกำลังอยู่ระหว่างการรอส่งมอบใหม่
นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมยังรายงานว่า “นอกจากทำลายขีปนาวุธต่อต้านเรือ Neptuneแล้ว ระบบป้องกันภัยทางอากาศได้สกัดกั้นกระสุน HIMARSสองลูก และขีปนาวุธต่อต้านรังสีความเร็วสูงหรือ ฮาร์ม (HARM) ๒ ลูก ทำลายอากาศยานไร้คนขับ ของยูเครน ๒๔ ลำ ในช่วง ๒๔ ชม.ที่ผ่านมา ”
กองกำลังรัสเซียขับไล่การโจมตี ๒ ครั้งในทิศทางของซาโปริชเชีย กระทรวงกล่าวเสริมว่า “ในระหว่างวันในพื้นที่นี้ ทหารยูเครนสูญเสียมากถึง ๙๐ นาย รถหุ้มเกราะสองคัน ยานพาหนะสี่คัน ระบบปืนใหญ่ M777 สามระบบ และปืนครก M119 สองกระบอกที่ผลิตในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับปืนครกแบบลากจูง FH-70 ที่ผลิตในสหราชอาณาจักรถูกทำลาย”
การโจมตีของยูเครน ๖ ครั้งในทิศทางคูเปียนสค์ ถูกกองกำลังรัสเซียสกัดกั้นซึ่งเคียฟสูญเสียทหารไป ๕๐นาย และมีการโจมตี ๓ ครั้งในทิศทาง คราสนีย์-ลิมันยูเครนเสียทหาร ๘๐ นาย และในทิศทางเคอร์ซอนยูเครนสูญเสียทหาร ๒๐ นายด้วย
ภาพรวมของการต่อสู้ในแนวหน้า เคียฟ-นาโต้ยังคงแพ้อยู่ ความสูญเสียอย่างหนักของยูเครนถูกตำหนิว่ามาจากยุทธวิธีของสหรัฐฯ และการฝึกหัดของ NATOที่ไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้ไร้ประโยชน์ในการจัดการกับป้อมปราการ ปืนใหญ่ กำลังทางอากาศ และทหารราบของรัสเซียในสนามรบอย่างแท้จริง แพ้แล้วก็โทษกันไปมาไม่จบสิ้น ยูเครนแพ้ก็คือนาโต้แพ้นั่นเอง!!
