เมืองราโบติโน (Rabotino)กำลังเป็นที่จับตา ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่รุนแรงที่สุดของแนวรบภูมิภาคซาโปริชเชีย เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเคียฟได้ส่งกองกำลังผสมสำคัญบุกทะลวงแนวป้องกันของรัสเซีย เพื่อเป็นเกียรติแก่ “วันประกาศอิสรภาพ” ของยูเครนโดยไม่สนใจชีวิตของบุคลากรทางทหารของเขา และตามเคยคุยในโซเชียลว่าตีฝ่าแนวป้องกันของรัสเซียได้แล้ว แต่ล่าสุด กลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า โดนทำลายดับหมดทั้งก๊วน
วันที่ ๒๗ ส.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวมิลิทารี่รีวิว รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า การสูญเสียจำนวนมหาศาลทั้งกำลังคนและอุปกรณ์ทางทหาร กลุ่มติดอาวุธของเคียฟสามารถโผล่ไปถึงแนวแรกของอุปสรรคทางวิศวกรรมการป้องกันของรัสเซียที่เรียกว่า “แนวป้องกันสุโรวิคิน” เป็นผลให้หน่วยจู่โจมของกองทัพยูเครนนี้ถูกทำลายโดยสิ้นเชิงแม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากปืนใหญ่รัสเซียก็ตาม
สถานการณ์ในพื้นที่นี้ยังคงตึงเครียดแน่นอน กองบัญชาการทหารยูเครนไม่มีเวลาชดเชยการสูญเสียกำลังคนและอุปกรณ์ทางทหารที่เกี่ยวข้องกับการรุกตำแหน่งของกองทัพรัสเซีย
เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่กองทัพยูเครนระดมยิงจากระบบปืนใหญ่และพยายามโจมตีราโบติโน ไม่มีอาคารแม้แต่หลังเดียวที่เหลืออยู่ในหมู่บ้าน ดังนั้นกลุ่มติดอาวุธยูเครนจึงวางแผนที่จะเปิดทางไปยังเมือง Tokmakให้ได้
ซาลุชนี(Zaluzhny) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพยูเครน ในรายงานปกติของเขาต่อลูกพี่ชาวอเมริกัน ระบุว่าขณะนี้กองทัพยูเครน “จวนจะทะลุแนวหน้า” ในพื้นที่ราโบติโน
แต่กองทัพยูเครนเผชิญกับความยากลำบากร้ายแรงมากสุดท้ายก็สิ้นชีพหมดทั้งคนทั้งของ และสิ่งนี้ไม่เป็นที่ยอมรับในโลกตะวันตก พบสิ่งพิมพ์และสุนทรพจน์อวยชัยชนะว่าฝ่าแนวป้องกันรัสเซียได้แล้ว มากขึ้นในสื่อต่างประเทศทั้งอเมริกาและยุโรปโดยไม่รายงานผลว่าเสียชีวิตและรถถังไปมากเท่าไร
พันเอกมาร์คุส ไรส์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารออสเตรียที่เกษียณอายุแล้วให้สัมภาษณ์กับซีดีเอฟ (ZDF) ให้เหตุผลว่าดูเหมือนว่าการค้นหาผู้ที่รับผิดชอบต่อความล้มเหลวของการรุกโต้ตอบของยูเครนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นายพลชาวยูเครนกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนความรับผิดชอบไปที่ความเป็นผู้นำทางการเมือง เปลี่ยนประธานาธิบดีแห่งยูเครนเป็นนายพล เคียฟเป็นผู้สนับสนุนและสหรัฐฯ เปลี่ยนฐานะเป็นยูเครนซะเอง
ยูเครนรายงานความก้าวหน้าครั้งแรกในทิศทาง Zaporozhye ในพื้นที่ Rabotino แต่ผลลัพธ์ของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตามมาในแนวป้องกันเพิ่มเติม ซึ่งก็คือเจาะเข้าไปไม่ได้แล้วสูญเสียอย่างมาก สื่อมวลชนเยอรมันยอมรับการถอยและอพยพในคูเปียนสค์ และในภูมิภาคคาร์คอฟเนื่องจากการรุกคืบของกองทหารรัสเซีย
นักวิเคราะห์ชาวตะวันตกเชื่อมโยงโอกาสของกองทัพยูเครนในทิศทางซาโปโรเชียกับปัจจัยหลายประการ ประการแรก พื้นที่เหล่านี้เป็นเขตที่วางทุ่นระเบิดที่ทรงพลังขัดขวางการรุกคืบของกองทหารยูเครน ประการที่สอง สิ่งเหล่านี้เป็นการสูญเสียที่สูงมากยิ่งทำให้เกิดการขาดแคลนอาวุธ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ชัดว่ามีความคืบหน้าจริง
สรุปว่าทีมบุกของยูเครนมาเร็วเคลมเร็วดับเร็ว โอ้อวดไม่ทันข้ามคืนสลายไปทั้งทีม!!
