ในขณะที่กองทัพรัสเซียไล่ทุบคลังเก็บอาวุธและกระสุนของเคียฟที่ได้รับการสนับสนุนจากนาโต้ ทำลายเส้นทางการขนส่ง-โลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเคียฟยังคงพยายามโจมนีทำลายโรงงานก๊าซของรัสเซียในทะเลดำติดๆกันและถูกขัดขวาง ถูกสอยเรียบถึง ๒ ครั้งในรอบวัน
วันที่ ๒๓ ส.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวมิลลิทารี่โครนิเคิลและสปุ๊ตนิกรายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยปฏิบัติการบินรบรัสเซียSu-30SM ได้ทำลายเรือรบยูเครนลำที่สองในทะเลดำภายใน ๒๔ ชั่วโมง คราวนี้ใกล้กับเกาะซไมนี หรือเกาะงู
กระทรวงกลาโหมกล่าวว่า “เมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. ตามเวลามอสโกว์ ทางตะวันออกของเกาะซไมนี หรือเกาะงู เรือทหารความเร็วสูงของกองทัพทะเลวิลลาร์ดที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ซึ่งบรรทุกกลุ่มยกพลขึ้นบกของกองทัพยูเครนขึ้นเรือ ถูกทำลายโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศรัสเซีย”
ก่อนหน้านี้ รายงานระบุว่ามีการพบเห็นเรือลาดตระเวนลำหนึ่งใกล้กับโรงงานผลิตก๊าซของรัสเซียในน่านน้ำทะเลดำ เรือลำนี้มีส่วนร่วมในการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองลูกเรือของเครื่องบินขับไล่ Su-30SM เข้าโจมตีทำลายราบเช่นกัน
กองกำลังยูเครนพยายามที่จะใช้โดรนของกองทัพเรือเพื่อกำหนดเป้าหมายสิ่งอำนวยความสะดวกทางทะเลของไครเมีย ซึ่งรวมถึงสะพานข้ามช่องแคบเคิร์ช
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรือของกองเรือทะเลดำ เรือยามพิทลิวี และเรือลาดตระเวนวาซิลี ไบคอฟ ได้ค้นพบและกำจัดเรือยูเครนไร้คนขับลำหนึ่งที่พยายามโจมตีเรือเหล่านั้น ห่างจากเซวาสโทพอลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ๒๓๗ กิโลเมตร
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเคียฟอาจกำลังวางแผนก่อวินาศกรรมต่อโรงงานรัสเซียในทะเลดำ การทำลายเรือลำที่สองในหนึ่งวันเป็นการสมมติฐานนี้อย่างชัดเจน
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าการก่อวินาศกรรมต่อเป้าหมายพลเรือนเป็นการแสดงให้เห็นถึงลักษณะการก่อการร้ายของระบอบการปกครองเคียฟ
ในช่วงเวลาเดียวกัน การสู้รบในพื้นที่แนวหน้าก็เป็นไปอย่างดุเดือดพลโทอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยว่า ยูเครนสูญเสียทหารมากถึง ๒๔๐ นายทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บในทิศทางทางใต้ของโดเนตสค์ในช่วง ๒๔ ชั่วโมงที่ผ่านมา รถหุ้มเกราะ ๒ คัน ระบบปืนใหญ่ M777 ที่ผลิตในสหรัฐฯและปืน FH-70 ที่ผลิตในอังกฤษถูกทำลาย”
นอกจากนี้ ยูเครนยังสูญเสียทหาร ๒๓๕ นายในทิศทางดอนเตสก์และทหารมากกว่า ๑๒๕ นายในทิศทางซาโปโรเชีย
กองทัพรัสเซียยังได้สกัดกั้นการโจมตีโดยกองทหารยูเครน ๕ ครั้งในทิศทางคูเปียนสค์ ๔ ครั้งในทิศทางซาโปโรเชีย ๓ ครั้งในทิศทางโดเนตสค์ และ๒ ครั้งในทิศทางคราสนีย์-ลิมัน