ปิดล้อมแล้วทุบ!! RF บุกคูเปียนสค์ยึดสถานีรถไฟโมลชาโนโว เคียฟเสียขวัญขยี้เมืองสำคัญทำลายโลจิสติกส์พังยับ

0

เมื่อกองกำลังรัสเซียรุกคืบเข้าใกล้เมืองคูเปียนสค์ อีกไม่ถึง ๗ กม. ซึ่งเป็นเมืองในภูมิภาคคาร์คอฟ ซึ่งมีบทบาทช่วยยึดแนวป้องกันของยูเครนไว้ด้วยกันเพื่อสะสมกำลัง ส่งกองหนุน มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของพื้นที่และการสูญเสียจะมีความหมายถึงความพ่ายแพ้ทางยุทธวิธีสำคัญอย่างยิ่งต่อยูเครนทางทหาร

วันที่ ๑๓ ส.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหารซึ่งเป็นทหารผ่านศึกของรัสเซีย อนาโตลีย์ มัตเวียชุค(Anatoliy Matviychuk) เปิดเผยว่า กองกำลังรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไปยังเมืองคูเปียนสค์ (Kupyansk) ซึ่งเป็นที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค Kharkov ทางตะวันออกทำหน้าที่เป็นถนนสายหลักและเส้นทางรถไฟในภูมิภาค มีบทบาทส่งเสบียงและกำลังพลอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันพฤหัสบดี ทางการยูเครนประกาศคำสั่งอพยพจากเขตคูเปียนสค์ รวมทั้งเมืองและหมู่บ้านกว่า ๕๐ แห่งโดยรอบอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวในวันเดียวกันว่า“ในทิศทางของคูเปียนสค์ หน่วยจู่โจมของกลุ่มกองกำลังซาปาด(Zapad)ได้รุกคืบตำแหน่งของพวกเขาในแนวหน้าในระหว่างปฏิบัติการ”

ตลอดระยะเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง โคนาเชนคอฟกล่าวว่า กองกำลังรัสเซีย “ประสบความสำเร็จในการขับไล่การโจมตีตอบโต้ของยูเครน ๗ ครั้งโดยประจันบานกับหน่วยของกองพลยานยนต์ที่ ๑๔ และ ๔๔ ของกองทัพยูเครน ในหมู่บ้านต่างๆ ในสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์และภูมิภาคคาร์คอฟ 

โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า “ความสูญเสียของข้าศึกประกอบด้วย ชำระบัญชีทหารยูเครนมากกว่า ๕๕ นาย ทำลายยานเกราะต่อสู้๒ คัน ยานเกราะธรรมดา ๓ คัน ปืนฮาวอิตเซอร์ M109 Paladin หนึ่งกระบอก และชิ้นส่วนปืนใหญ่ M777 ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ” 

รายงานเกี่ยวกับความพยายามของรัสเซียในการรุกคืบตามแนวทางคูเปียนสค์ของแนวหน้ากระทรวงกลาโหมรายงานการยึดสถานีรถไฟโมลชาโนโว ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองได้สำเร็จ

ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคที่ผ่านมา กองกำลังรัสเซียได้รุกเข้าไปตามแนวรบยาว ๑๑ กม. และลึกกว่า ๓ กม. ในความลึกของแนวป้องกันของศัตรู ในช่วงเวลาสามวัน ต่อมา วิตาลี กันเชฟ(Vitaly Ganchev) หัวหน้าฝ่ายบริหารของ Kharkov ที่สนับสนุนรัสเซียกล่าวว่า กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยการเมืองในท้องถิ่นถึง ๕ แห่งแล้ว

Matviychuk เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซียที่เกษียณแล้ว เป็นนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์ในอัฟกานิสถานและซีเรียกล่าวว่า “ความก้าวหน้าจะทำให้กองกำลังของเคียฟกดดันอย่างหนัก เพื่อเติมเต็มช่องว่างในแนวหน้าเนื่องจากความคล่องตัวของพวกเขาถูกจำกัดโดยความเหนือกว่าของรัสเซีย ทั้งในด้านอากาศและปืนใหญ่ในภาคพื้นดิน”

Matviychuk ประเมินว่า “ประการแรก นี่เป็นข่าวดีว่ารัสเซียกำลังยึดคืนดินแดนเหล่านั้น ซึ่งเราทิ้งไว้ในฤดูใบไม้ร่วงระหว่างการบังคับถอนกำลัง ประการที่สอง เรากำลังรุกคืบ ทำลายกองหนุนของข้าศึก ทำลายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ของข้าศึก และสิ่งนี้สำคัญมาก เพราะเราเข้าขยับเข้าใกล้เมืองสลาฟยันสค์ (Slavyansk) และ ครามาตอร์สค(Kramatorsk) อย่างได้ผล เราไม่เพียงสร้างข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการคืนดินแดนเหล่านี้ แต่เพื่อทำลายกลุ่มกองกำลังยูเครนทั้งหมดในพื้นที่เหล่านี้ด้วย” 

ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารยูเครนมีสองทางเลือก ซึ่งไม่มีทางเลือกใดที่น่าอิจฉาเลย นั่นคือ เสี่ยงส่งกองหนุน หรือเผชิญกับการสูญเสียพื้นที่เพิ่มขึ้น

“เคียฟมีกองทหารเหลืออยู่ ๑ กองพล บางแห่งในพื้นที่ที่มีทหาร ๓๐,๐๐๐-๓๕,๐๐๐ นาย แต่มีปัญหากับยุทโธปกรณ์หนัก เคียฟพยายามนำมันเข้าสู่สนามรบ แต่ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ เนื่องจากเคลื่อนกำลังทีละส่วนจะหมายถึง การทำลายล้างจากพื้นดิน  ในขณะที่การนำกำลังเข้ามาทั้งหมดในคราวเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้เนื่องจากขาดการยิงสนับสนุนทั้งทางอากาศและบนพื้นดิน” หมายความว่ากองกำลังรัสเซียจะสังเกตเห็นและตอบโต้ได้ทันทีหากยูเครนพยายามส่งกองกำลังเป็นกลุ่มใหญ่

Matviychuk อ้างถึงการประกาศอพยพของเคียฟในภูมิภาคนี้ว่าเป็นหลักฐานว่ากองกำลังยูเครนกำลังเตรียมที่จะยอมจำนนพื้นที่ทั้งหมด โดยการอพยพน่าจะทำให้ Kupyansk ถอดอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกทางอุตสาหกรรมที่มีประโยชน์ออก เพื่อระดมกำลังคนที่เหลืออยู่ในพื้นที่ และโฆษณาชวนเชื่อ แสดงให้เห็นว่าเคียฟกำลัง “ปกป้องประชากรของดินแดนเหล่านี้จากการรุกรานของรัสเซีย”

เขาย้ำอีกว่า “ความจริงไม่เหลือใครให้ระดมพลแล้ว มีเพียงเด็ก คนชรา และคนพิการ พวกเขาไม่อยากจากไป เพราะนี่คือบ้านของพวกเขา และพวกเขากำลังรอการมาถึงของกองทัพรัสเซีย” 

“สำหรับยูเครนแล้ว การสูญเสียคูเปียนสค์จะเท่ากับการสูญเสีย Artemovsk หรือ Bakhmut ในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมานั่นเอง และนี่คือความเสียหายทางกำลังใจอย่างสำคัญ ประการแรกและทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพลดลง ประการที่สอง มันจะเปิดพื้นที่ปฏิบัติการสำหรับกองกำลังของรัสเซีย หนุนให้เริ่มปฏิบัติการโอบล้อมกลุ่มกองกำลังทางตอนใต้ของยูเครน ปิดวงแหวนรอบเมืองสลาเวียนสค์และ Kramatorsk ในโดเนตสค์ อย่างมีนัยสำคัญ”