The Financial Times สื่อตะวันตกได้รายงานผลสำรวจของความคิดเห็นของคนจีนแผ่นดินใหญ่ ของ Nandu Personal Information Protection Research Centre (ศูนย์วิจัยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ Nandu) ผ่านอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับ facial recognition (ระบบจดจำใบหน้า) 6,152 คน ในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนที่ผ่านมาบอกว่า
74% อยากเลือกวิธีการการยืนยันตัวตนแบบได้ระว่าง facial recognition หรือ บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ หรือหนังสือเดินทาง 80% กังวลว่าผู้ให้บริการ facial recognition มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด 57% มีความกังวลว่าจะถูกติดตามความเคลื่อนไหว 84% ต้องการตรวจสอบข้อมูลที่ระบบ facial recognition รวบรวมไว้ และสามารถขอให้ลบข้อมูลได้ แต่ก็ยังมี 60 – 70% ที่เชื่อว่าระบบ facial recognition ทำให้พื้นที่สาธารณะมีความปลอดภัยมากขึ้น
ประเทศจีนเป็นประเทศที่ 50 ประเทศที่มีการนำระบบตรวจสอบและเฝ้าระวังทางชีวภาพมาใช้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพ เพราะประเทศจีนมีกล้องจดจำใบหน้ามากกว่าประเทศอื่น ไม่ว่าโรงเรียน หรือ ศูนย์การค้าเองก็มีการติดตั้งกล้องจดจำใบหน้า มีกฎระเบียบใหม่มีผลบังคับใช้ซึ่งกำหนดให้สมาชิกโทรศัพท์มือถือต้องสแกนใบหน้าเมื่อเซ็นสัญญาใหม่กับผู้ให้บริการ เจิ้งโจวซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเหอหนานทางตะวันออกเฉียงเหนือได้กลายเป็นเมืองจีนแห่งแรกที่เปิดตัวเทคโนโลยีในสถานีรถไฟใต้ดิน
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมามีข่าวดังเกี่ยวกับการ biometric identification ใช้ในสื่อของรัฐบานจีน มาศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย Bing Bing เขาถูกฟ้องที่สวนสัตว์ซาฟารีหางโจวเรื่องการบังคับให้จดจำใบหน้า ศาสตราจารย์ Guo ผู้ถือตั๋วสวนสาธารณะ ได้ใช้ลายนิ้วมือของเขาเพื่อเข้าเป็นสวนสาธารณะเป็นเวลาหลายปี แต่ต่อนนี้ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป
แล้วคุณละคิดอย่างไรกับระบบเทคโนโลยี Facial recognition ไปไหนในที่สาธารณะมีกล้องสแกนใบหน้า จะทำธุรกรรมอะไรก็ต้องใช้การแสกนใบหน้าในการยืนยันตัวตน เราต้องมาคำนึงถึงความสมดุลกัน การรักษาความปลอดภัยสาธารณะ กับ การรักษาความเป็นส่วนตัว
