ตกตะลึงกันอีกครั้งเมื่อข่าวสะพัด คนจริงอย่างผู้นำเกาหลีเหนือแสดงจุดยืนชัดไม่ก้มหัวให้มหาอำนาจเดี่ยวสหรัฐและพวก พร้อมลุยทุกรูปแบบ และล่าสุดสั่งเด้งประธานเสธ.ทหารตั้งคนใหม่สายเหยี่ยว ออกคำสั่งเป็นทางการกระตุ้นกองทัพ “พร้อมทำสงคราม”
หลังประเมินสถานการณ์ในภูมิภาคจะต้องเผชิญกับสงครามตัวแทนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผ่านองค์กรจัดตั้งตัวแทนผลประโยชน์วอชิงตันออกหน้าทำศึก
วันที่ ๑๐ ส.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิคและยอนฮับรายงานว่าคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ปลดพล.อ.ปาร์ค ซู-อิล ออกจากตำแหน่งประธานคณะเสนาธิการทหาร และแต่งตั้งพล.อ.ต.รี ยอง-กิล ให้ดำรงตำแหน่งแทน โดยไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติม ตามรายงานโดยสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ ( เคซีเอ็นเอ )
สำนักข่าวของรัฐเปิดเผยว่า “ผู้นำเกาหลีเหนือ Kim Jong-un ได้ลงนามในคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อยกระดับการเตรียมการของกองทัพ “ในทางรุก” หลังจากสรุปและวิเคราะห์สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี”
ผู้นำได้นำการประชุมขนาดใหญ่ ของคณะกรรมาธิการการทหารกลางของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นร้อน “ทำให้กองทัพคาดคะเนอย่างละเอียดยิ่งขึ้นสำหรับสงคราม เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและการทหารที่ร้ายแรงในคาบสมุทรเกาหลีปัจจุบัน”
สื่อรายงานว่า “ที่ประชุมได้วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันบนคาบสมุทรเกาหลีและบริเวณใกล้เคียงและความเคลื่อนไหวทางทหาร และตัดสินใจ “เกี่ยวกับแผนสำหรับมาตรการตอบโต้ทางทหารขั้นสูงเพื่อยับยั้งอย่างละเอียด” รวมทั้ง “เตรียมการสงครามเต็มรูปแบบเพื่อต่อต้านการโจมตีของข้าศึกด้วย การป้องปรามทางยุทธศาสตร์อย่างท่วมท้นและเปิดปฏิบัติการทางทหารที่น่ารังเกียจพร้อมกันในกรณีฉุกเฉิน” ที่ประชุมพิจารณาแผนการจัดตั้งกลุ่มปฏิบัติการแนวหน้า “เสริมกำลังเพื่อสกัดกั้นและทำลายข้าศึกอย่างท่วมท้น” ศึกษามาตรการทางทหารเพื่อกระจายขีดความสามารถในการบริหารการปฏิบัติการของหน่วยแนวหน้า และจัดทำแผนปฏิบัติการที่มีรายละเอียดมากขึ้น”
ในระหว่างการประชุม ผู้นำได้ลงนามในคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อยกระดับ “การเตรียมการสงครามของกองทัพประชาชนเกาหลี หรือKPA ในเชิงรุก” เพื่อเตรียมกองทัพที่เข้มแข็ง เป้าหมายยับยั้งความพยายามที่เป็นไปได้ที่จะใช้กำลังกับเปียงยาง
นอกจากนี้สื่อรายงานว่าเนื้อหาคำสั่งระบุ “การโจมตีที่ทรงพลังยิ่งขึ้นสำหรับการปฏิบัติภารกิจในการป้องปรามสงคราม” และเพิ่มกำลังพลมากขึ้น ดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารอย่างแข็งขัน และเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพ ให้เพิ่มขึ้นอย่างมาก”
คิมยังสั่งให้โรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ “เดินหน้าผลิตอาวุธและอุปกรณ์จำนวนมาก พร้อมขยายกำลังการผลิตอาวุธอย่างเต็มศัยภาพ” เพื่อให้สอดคล้องกับภูมิศาสตร์การเมืองโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งน่าจะสื่อถึงการที่กองทัพเกาหลีใต้และกองทัพสหรัฐเตรียมจัดการซ้อมรบครั้งใหม่ร่วมกัน ช่วงปลายเดือนส.ค. นี้อีกครั้ง
ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงงานผลิตอาวุธหลายแห่งในประเทศ รวมถึงโรงงานผลิตเครื่องยนต์จรวด ฐานยิงจรวด อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนอีกหลายรุ่น
รายงานเกี่ยวกับการอัพเกรดรถถัง Kusong มีขึ้นในขณะที่เกาหลีเหนือเตือนถึงการเสริมทัพอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกเหนือจากการเสริมทัพอย่างต่อเนื่องในญี่ปุ่น ซึ่งได้เพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นทวีคูณ สหรัฐฯ ยังได้เพิ่มความแข็งแกร่งทางทหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกพร้อมกับสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียภายใต้กรอบของพันธมิตร AUKUS แบบไตรภาคี ก่อนหน้านี้ กองบัญชาการ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ อ้างเป้าหมายอย่างเปิดเผยเพื่อ”ยับยั้ง” จีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ
ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สถาบันอเมริกันศึกษาของกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือออกคำเตือนว่าเปียงยางจะเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันตนเองต่อไป หากวอชิงตันยังคงใช้นโยบายที่เป็นศัตรูกับเกาหลีเหนือ
บรรยากาศร้อนระอุขึ้นทุกที เมื่อสหรัฐฯไม่รามือที่จะก้าวเข้ามาผลักดันความขัดแย้งในทุกจุดวาบไฟในภูมิภาค ระหว่างเกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้ จีนกับประเทศคู่พิพาทในทะเลจีนใต้อย่างฟิลิปปินส์ และไต้หวันกับจีนโดยมีญี่ปุ่นแทรกเข้าร่วมในทุกประเด็น จึงเห็นคิมจองอึนผู้โผงผาง ประกาศกล้าใครล้ำแดนมีปะทะ!!??