โควิดยังไม่จบ”สนธิญาณ” ถามดังๆบ้าหรือดี..มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ชวนปลุกม็อบไล่ลุงตู่ แม้จะแก่แล้วยังจำเป็นทำความจริงให้ปรากฎต่อสู้กับพวกนี้ต่อไป
ในรายการ “ทิศทางไทยในช่วงเวลา 00.00 กับ สนธิญาณ” ทางช่องสถาบันทิศทางไทย เผยแพร่ผ่านทางยูทูป ทางด้าน “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 และการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ระบุว่า.. แม้ความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่จะดีใจ ในการแก้ไขเปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นไปด้วยดี ได้รับการขื่นชมจากนาๆชาติทั่วโลก ที่กำลังจับตาประเทศไทยเอาเป็นแบบอย่าง แต่ก็มีเรื่องที่จะต้องเหนื่อยใจ กับพวกที่ “มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ” และที่น่าสนใจโดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่เป็นสาวก หรือเป็นจัดตั้งหน่วยหนึ่งของอดีตพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเคลื่อนไหวเปิดประเด็นประชาธิปไตย ต่อต้านลุงตู่ ว่าเป็นเผด็จการทั้งๆสภาเลือกพล.อ.ประยุทธ์มาตามวิถีของรัฐธรรมนูญ
“สนธิญาณ” กล่าวต่อว่า การปั่นกระแสเหล่านี้ต่อเนื่องมาเกิดความคลั่งแค้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ คือต้องการจะสื่อว่า ถูกหาเรื่อง แต่ในความเป็นจริงที่ทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ปรากฎหลักฐานอย่างครบถ้วน ซึ่งอย่าไปปั่นอย่างนั้นเลย
ขณะที่สถานการณ์โควิดที่คนไทยกำลังทุกข์ร้อน โลกกำลังเดือดร้อน ในขณะที่เกิดกระแส Work from home ปรากฎว่าได้มีการเปิดศัพท์ใหม่ #Mobfromhome เปิดประเด็นมาโดย สหภาพนีกเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือสนท.
“สนธิญาณ” ย้ำว่า แก่คราวลุง คราวพ่อของเด็กพวกนี้แล้ว เป็นอดีตผู้นำนักศึกษามาก่อน เป็นอดีตจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เคลื่อนไหวทางการเมืองก่อน แต่ยามที่สถานการณ์ประเทศวิกฤต ไม่ได้เคยเอาความคิดของตัวเองมาเป็นตัวตั้ง ซึ่งเคยอยู่ในจัดตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เมื่อครั้งที่เวียดนามเตรียมจะบุกภาคอีสานของไทย พรรคคอมมิวนิสต์ไทยในขณะนั้นบอกว่า พักรบก่อน สหายจัดตั้งทั้งหลาย ไม่ว่าอยู่ในป่าหรืออยู่ในเมือง อย่าเพิ่งล้มรัฐบาล รักษาประเทศให้รอดก่อน ร่วมมือร่วมใจดูแลประเทศจากภัยต่างชาติก่อน แบบโควิดยิ่งกว่าภัยจากต่างชาติ เป็นภัยที่คุกคามมวลมนุษย์ คิดว่าได้อย่างไรชวนกันมาประท้วงว่าภัยโควิดเบาบาง
ประเด็นของพวกนี้ ได้มีการวางแผนสร้างกระแสต่อเนื่อง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีการเสนอผลงานวิจัยออกมา ในทำนองที่ว่า รู้หรือไม่ที่อวดอ้างว่าแก้ปัญหาเก่งๆ คนไทยตายไปประมาณ50คนจากโควิด ซึ่งมีคนที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่ทีอะไรจะกินมากกว่าอีก โดยสถิติตอนนี้สถิติการฆ่าตัวตายของคนไทยลดลงกว่าปกติ แต่ถ้าถามว่าตัวเลขแบบนี้มาได้อย่างไร โดยมีโครงการวิจัยคนจนเมือง ที่เปลี่ยนไปในสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลง มีนักวิจัยทั้งหมด7คน
- 1. ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ ม.เชียงใหม่
2. รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล ม.เชียงใหม่
3. รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4. ผศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา ม.ธรรมศาสตร์
5. รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ ม.ทักษิณ
6. ผศ.ดร.ธนิต โตอดิเทพย์ ม.บูรพา
7. ผศ.ดร.ธนพฤกษ์ ชามะรัตน์ ม.ขอนแก่น
“สนธิญาณ” ระบุต่อว่า จำชื่อไว้ ทั้ง7คนนี้ ที่เสนองานวิจัย และเป็นงานวิจัยที่บิดเบือน มีตำแหน่ง เป็น ศาสตราจารย์ / รองศาสตราจารย์ ซึ่งมีคำนำหน้าเป็นดร. แต่ทำไมถึงกล้าเสนองานบิดเบือน หรือเพราะความเกลียดชัง ที่ฝั่งอยู่ในจิตใจ เมื่อเกิดควาทเกลียดชังไม่มีเหตุ ไม่มีผล จะต้องเดินเข้าไปสู่แผนของการเคลื่อนไหวในการที่จะล้มรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ในข้อกล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการ
การเคลื่อนกระบวนการของคนเหล่านี้เป็นการเคลื่อนที่แผนรองรับเป็นทอดๆ เหมือนเรื่องงานวิจัย ถามว่าวันนี้จะ #Mobfromhome โชว์ภาพมาม็อบกันต้องไล่รบ.ออกให้ได้ แต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันนั่นก็คือสถานการณ์โควิดในประเทศไทย วันนี้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่10 รายแล้ว แต่จะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนถึงสะเด็ดน้ำ
ในขณะที่โลกทั้งโลกจะต้องใช้เวลาอีก1ปี หรือ1ปีครึ่ง สถานการณ์ที่ยอดป่วยสะสมของสหรัฐอเมริกาทะลุล้านรายไปแล้ว ด้านยุโรปรวมๆกันในขณะนี้ก็ใกล้ล้านราย เข้าไปแล้ว เพราะยอดรวมของโลกประมาณ 3ล้านรายแล้ว และสถานการณ์ของพิษภัยทางเศรษฐกิจรออยู่ข้างหน้า
วันนี้พี่น้องประชาชนลำบาก รัฐบาลพยายามทำ อาจจะบอกว่าพลาดไปหน่อยเรื่องเงินเยียวยา แต่ก็ปรับตัวได้แล้ว แต่จะเอามาปลุกระดับ ปลุกเร้าไม่มีที่สิ้นสุด มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ เด็กๆคนรุ่นใหม่ นั้นเหนื่อยใจว่าจะฝากความหวัง กับฝากประเทศชาติได้อย่างไร แม้จะแก่แล้วยังจำเป็นทำความจริงให้ปรากฎต่อสู้กับพวกนี้ต่อไป