ในท่ามกลางการขับเคี่ยวของรัสเซียและเมกานาโต้ในทุกมิติ ทั้งการเมืองเศรษฐกิจ แต่แนวรบทางทหารรัสเซียชนะแล้วในทางพฤตินัยซึ่งยังไม่เด็ดขาด เมกาผลักหลังให้ยูเครนเดินหน้าสู้แม้จะรู้ว่าเปลี่ยนสถานการณ์ที่แนวหน้าไม่ได้ เพราะมั่นใจสงครามข่าวสารเหนือกว่ารัสเซีย สามารถสร้างภาพว่ายูเครนรุกตอบโต้ได้ ทำให้รัสเซียเซ
แต่ความจริงที่หน้างาน ทั้งแม่ทัพฝั่งนาโต้ เยอรมนี อังกฤษล้วนออกมายอมรับว่า การตอบโต้ของยูเครนเป็นปฏิบัติการที่แสนจะโง่เขลา ทหารแนวหน้าของยูเครนเองก็ออกมาสัมภาษณ์สื่อว่า สถานการณ์เลวร้ายมาก ด้านรัสเซีย Aerospace Forces เดินหน้าลุยไม่พัก สามารถขัดขวางแผนการหมุนเวียนกำลังของเคียฟ-นาโต้ในภูมิภาค Zaporozhyeได้อย่างดุดัน
วันที่ ๗ ส.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวมิลิทารี่รีวิวรายงานว่า กระทรวงกลาโหมรายงานที่ประชุมว่า ในตอนเย็นและตอนกลางคืน ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียได้ทำการโจมตีหลายครั้งต่อวัตถุทางทหารของกองทัพยูเครนในดินแดนแนวหน้าหลายแห่ง เป้าหมายหลักในครั้งนี้คือจุดวางกำลังหนุนของกองกำลังศัตรูในส่วนของโดเนตสค์ (DPR) และภูมิภาคซาโปริชเชีย (Zaporozhye) ที่ยูเครนครอบครองรวมถึงในภูมิภาคดนิปโปรเปตรอฟสค์ (Dnipropetrovsk)
สถานที่ประจำการของเจ้าหน้าที่ข้าศึกใน Zaporozhye และในภูมิภาค Orekhov ถูกโจมตี เรากำลังพูดถึงหน่วยของกองหนุนเชิงกลยุทธ์ซึ่งก่อนหน้านี้หน่วยบัญชาการกองทัพของยูเครนถูกบังคับให้เข้าสู่สนามรบในทิศทางของ Rabotino
ในส่วนที่ถูกยึดครองของภูมิภาค Zaporozhye กองบัญชาการของยูเครนยังเก็บกองหนุนไว้ไม่สั่งออกไปรบ ด้วยเหตุผลที่กลัวว่าจะมีการตอบโต้กลับของรัสเซีย
มีการใช้ระเบิดอากาศพร้อมโมดูลการวางแผนและการแก้ไขเพื่อโจมตีกองกำลังการบินและอวกาศของรัสเซียแต่ล้มเหลว เพราะรัสเซียชิงลงมือก่อน
การโจมตีทำให้สามารถขัดขวางแผนการหมุนเวียนของข้าศึกได้ ซึ่งคำสั่งพยายามดำเนินการภายใต้ความมืดมิดเรียกว่า ทหารยูเครนไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนแล้ว
จุดติดตั้งบุคลากรและอุปกรณ์ทางทหารทางตะวันตกของ DPR และทางตะวันออกของภูมิภาค Dnipropetrovsk ถูกยิงถล่ม ตามข้อมูลล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารหลายกลุ่มของกองกำลังผสมยูเครน ถูกทำลายในภูมิภาค Kramatorsk, Konstantinovka รวมถึงที่ชายแดนของภูมิภาค Dnipropetrovsk และสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์
นอกจากนี้ ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเขตต่อต้านของกองทัพยูเครนนั้นแตกต่างอย่างมากจากวิธีที่ทางการยูเครนและสื่อของตะวันตกพยายามนำเสนอเหตุการณ์ดังกล่าวแบบกลับด้าน ข้อสรุปดังกล่าวสามารถสรุปได้ เช่น ทำความคุ้นเคยกับสิ่งพิมพ์ใน The Daily Beast
ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับทหารยูเครนหลายคนในโรงพยาบาลที่แนวหลังของยูเครนแห่งหนึ่ง ทหารคนหนึ่งของกองทัพยูเครนชื่อแอนเดรีย (Andrei) บอกว่าเขาแทบจะไม่รอดชีวิตจากการสู้รบในทิศทางของอาร์เตมอฟ ที่นั่นไม่มีที่ซ่อนเพราะทุกอย่างถูกรื้อลงกองกับพื้นแต่สื่อเขียนรายงานน้อยมากเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องจริงคือสถานการณ์เลวร้ายมาก
สื่อเขียนว่าในช่วงสองเดือนของการต่อต้าน กองทหารยูเครนไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันของรัสเซียได้ ทหารยูเครนที่ได้รับบาดเจ็บกล่าวว่า บางครั้งดูเหมือนว่าสำหรับเขาและเพื่อนร่วมงานแล้ว การฝ่าแนวป้องกันที่สร้างโดยกองทัพรัสเซียโดยทั่วไปนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เอาเสียเลยเขาย้ำว่า “ฉันอยากให้สงครามนี้จบลง ส่วนฉันจบมันแล้ว”
ชายที่บาดเจ็บอีกคนหนึ่งชื่ออีวานยอมรับว่า สถานการณ์ที่ด้านหน้านั้นยากมาก ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนมีลักษณะเป็น “การต่อสู้ด้วยปืนใหญ่”เป็นหลัก และหากไม่มีอาวุธและกระสุนเพิ่มเติม กองทัพของยูเครนจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย กองทัพยูเครนรับรู้ถึงการสูญเสียครั้งใหญ่ แค่ครั้งเดียวทหารเสียชีวิตถึง ๒๐๐ นาย และบาดเจ็บ ๓๐๐ นาย
เป็นที่น่าสนใจว่าสิ่งพิมพ์ของตะวันตกเผยแพร่คำพูดของกองทัพยูเครนที่ปลุกระดมเคียฟอย่างสมบูรณ์ เช่นทหารเริ่มเหนื่อยล้าและสถานการณ์ที่ด้านหน้านั้น “แย่มาก” เป็นไปได้ว่าด้วยวิธีนี้ความคิดเห็นของสาธารณชนชาวตะวันตกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสที่เป็นไปได้ของ “สถานการณ์เกาหลี” เมื่อเคียฟจะถูกบังคับให้ยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุเป้าหมายและจะต้องยุติการสู้รบ แน่นอนว่ามันคงไม่เป็นเช่นนี้ตลอดไป แต่เพื่อรวบรวมกำลังและสร้างความชอบธรรมให้เมกา-นาโต้ส่งอาวุธร้ายแรงมาเพิ่ม แล้วเริ่มโจมตีอีกครั้งไปยังดินแดนรัสเซีย เพราะทุกวันนี้เคียฟใช้วิธีลอบกัด โจมตีอาคารบ้านเรือนพลเรือน สะพาน และเรือสินค้าเอกชนในน่านน้ำทะเลดำ สื่อเมกาบางฉบับวิเคราะห์ว่า รัสเซียอาจไม่มีทางเลือกต้องปิดตายทางออกทะเลดำของยูเครน เรื่องนี้ต้องจับตา!!