หมากเด็ดรัสเซีย! หันช่วยไนเจอร์ ตลบหลังคว่ำอำนาจฝรั่งเศส-สหรัฐ ขยายอิทธิพลในชาติแอฟริกา

0

หมากเด็ดรัสเซีย! หันช่วยไนเจอร์ ตลบหลังคว่ำอำนาจฝรั่งเศส-สหรัฐ ขยายอิทธิพลในชาติแอฟริกา

จากกรณีที่คณะรัฐประหารของไนเจอร์ ซึ่งนำโดยพลเอก อับดุลราห์มาน ทะเชียนิ ประกาศยกเลิกข้อตกลงความร่วมมือทางทหารกับฝรั่งเศส รวมทั้งเพิกถอนการรับรองอักษรสาส์นตราตั้งเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำไนเจอร์ ภายหลังจากที่คณะรัฐประหารไนเจอร์ กล่าวหาว่า รัฐบาลฝรั่งเศส กำลังวางแผนเข้าแทรกแซงทางทหาร และพยายามทำให้ประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด บาซูม ของไนเจอร์ กลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง

ต่อมาเมื่อวานนี้ (5 สิงหาคม 2566) Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยบอกว่า กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจรัฐแอฟริกาตะวันตก (Economic Community of West African State : ECOWAS) แบ่งออกเป็นสองค่าย ฝ่ายแรกโปรตะวันออกรัสเซีย จีน 4 ประเทศเคยทำรัฐประหาร คือ มาลี , กินี , บูร์กินาฟาโซ , ไนเจอร์

ฝ่ายหลังโปรตะวันตก สหรัฐ ฝรั่งเศส คือ ไนจีเรีย กานา ไอวอรี่โคสต์ เซเนกัล และชาติเล็กอื่นๆ จึงไม่มีเอกภาพใน ECOWAS กลุ่มนี้มีไนจีเรีย พยายามตั้งตัวเองเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของแอฟริกาทั้งหมดและเป็นพี่ใหญ่ทวีป ไนจีเรีย จึงเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังกลุ่ม ECOWAS ประธานาธิบดี Bola Tinubu ผู้นำไนจีเรีย เป็นประธาน ECOWAS จึงสร้างอิทธิพลตนแข่งอิทธิพลของฝรั่งเศสที่ลดลงไปด้วย จึงไม่เชิงโปรฝรั่งเศสมากนัก

ช่วง 60 ปีมานี้ ไนเจอร์ ประชากรเพิ่มขึ้นจากเดิมเร็วมากเกือบ 8 เท่า รวม 25 ล้านคน ผู้หญิงไนเจอร์ แต่ละคนให้กำเนิดลูกเฉลี่ย 7 คน โดยประชากรส่วนใหญ่อยู่ในชนบท 83% และยากจนข้นแค้น  ปี 2565 ไนเจอร์ ผลิตยูเรเนียมได้ 2,000 ตัน คิดเป็น 4% ของการผลิตทั่วโลกและเป็นอันดับ 7 ของโลก มี บริษัท Orano ฝรั่งเศส เป็นเจ้าของ 3 บริษัทย่อย และบริษัท CNUC ของจีน 1 แห่งร่วมทุนกับบริษัทสเปน เกาหลีใต้ และรัฐบาลไนจีเรีย
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การผลิตยูเรเนียมไนเจอร์ลดลงเนื่องจากเหมือง Akuta ของบริษัท Orano ฝรั่งเศส หมดปริมาณแร่สำรอง ปิดเหมืองในปี 2564 และกำลังสำรวจแหล่งใหม่

ไนเจอร์ มียูเรเนียมเป็นแหล่งรายได้หลักส่งออกมูลค่าประมาณ 6,936 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 30% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด แร่ยูเรเนียมเกือบ 100% ส่งไปยังฝรั่งเศส ที่เหลือไปแคนาดา สเปน และญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ใช้แร่ยูเรเนียมในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ประมาณ 8,000 ตันต่อปี ดังนั้นสัดส่วน 25% มาจากไนเจอร์ อีก 75% มาจากรัสเซีย คาซัคสถาน และอื่นๆ ในแอฟริกา

ไนเจอร์ นำเข้าสินค้ามูลค่า 121,380 ล้านบาทต่อปี โดยในจำนวนนี้เป็นธัญพืช 17,340 ล้านบาท ในคราวประชุมสุดยอดรัสเซีย-แอฟริกา ปลายเดือน ก.ค.2566 มีตัวแทนรัฐบาลชาติแอฟริกา 49 ชาติจาก 54 ชาติเข้าร่วม
มีผู้นำจำนวน 17 ประเทศเข้าร่วม แต่รัฐบาลเดิมไนเจอร์ รับสัญญาณรีโมทจากสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ไม่เข้าร่วมประชุมดังกล่าว จนเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจในที่สุด

สิ่งแรกๆ ที่ คสช.ไนเจอร์ แสดงท่าทีทางการเมือง คือ “ประกาศคว่ำบาตร ระงับการส่งออกยูเรเนียมและทองคำไปยังฝรั่งเศส” แม้จะมีสต็อคเก่าเหลือบ้าง แต่ในระยะต่อไปแร่ยูเรเนียมถึง 25% จะกระทบต่อสถานการณ์พลังงานผลิตไฟฟ้าฝรั่งเศสทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซ้ำเติมวิกฤตพลังงานที่ยืดเยื้อมานานถึง 2 ปีทั่วยุโรป ส่วนแร่ยูเรเนียม 2,000 ตัน บริษัทรัสเซีย หรือจีน สามารถตกลงซื้อไปขายต่อได้

วิเคราะห์ว่า..ในระยะต่อไปรัสเซีย จะค่อยๆ เพิ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งขึ้นไปยังไนจีเรีย แกนนำกลุ่ม ECOWAS ที่เพิ่งสมัครเข้ากลุ่ม BRICS ลดอิทธิพลของสหรัฐฯ ฝรั่งเศส น้อยลงเรื่อยๆ เพราะพิสูจน์แล้วว่าหลายศตวรรษที่ผ่านมาไม่มีประโยชน์อันใดเลย ที่แอฟริกา จะอยู่ฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียวที่ยิ่งอยู่ยิ่งยากจนลง แต่ชาติที่ร่วมจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้วกับกลุ่ม BRICS กลับพลิกสร้างโอกาสอิสระภาพทางธุรกิจการค้า จนอยู่ดีกินดี ต่างกันดั่งฟ้ากันดินไปแล้วอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.blockdit.com/world.update

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454