ฉีกหน้ากันเน้นๆ!! รัสเซียยิ้มอ่อน สื่อยักษ์แฉยูเครนใช้ยุทธวิธีสู้รบของนาโต้เลยแพ้ สู้ใหม่ใช้ลูกยาวหวังชนะยังแพ้ยับ

0

อื้ออึงทีเดียวเมื่อสื่อยักษ์มะกันทั้งนิวยอร์กไทมส์และโปลิติโกของสหรัฐฯพากันวิเคราะห์จุดอ่อนของการต่อสู้กลับครั้งใหญ่ของยูเครนว่า เป็นเพราะใช้ยุทธวิธีของตะวันตกดันทุรังไปเสียชีวิตกองกันที่แนวหน้า ฝ่าแนวทุ่นระเบิดของรัสเซียไม่ได้ ซึ่งเท่ากับยอมรับกลายๆว่านาโต้เข้ามามีบทบาทบัญชาการรบด้วยตัวเอง แม้รัสเซียหรือคนทั้งโลกรู้กันหมดแล้วแต่ก็เป็นการยอมรับเกือบเป็นทางการว่า นาโต้ซึ่งเป็นองค์กรทางทหารของแองโกลแซกซ่อนที่เมกาฯเป็นโต้โผฝีมือสู้รัสเซียไม่ได้ เลยต้องใช้วิธีโกหกหลอกลวงผ่านสงครามข่าวสารอย่างจริงจัง ดูเหมือนว่ารัสเซียกำลังหาวิธีตอบโต้การใช้ข่าวสารเป็นอาวุธของตะวันตก ว่าแค่เผยแพร่ข่าวสารแม้เป็นข้อเท็จจริงก็ไร้ผลเพราะถูกปิดกั้น เราอาจได้เห็นรัสเซียจัดหนักกับสื่อตะวันตกในประเทศต่อไปก็เป็นได้ เพราะสงครามพื้นที่กำลังขยายขอบเขตไม่ได้รบกันเฉพาะในยูเครนแล้ว

พันเอกที่เกษียณแล้ว มิคาอิล โคดาริโอนอฟ(Mikhail Khodaryonok)ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารชั้นนำของรัสเซียฟันเปรี้ยงว่า การพูดคุยของชาวตะวันตกเกี่ยวกับ ‘ขั้นตอนใหม่ของการต่อต้านยูเครน’ เป็นเพียงการปกปิดความล้มเหลวของปฏิบัติการที่กำลังดำเนินอยู่

วันที่ ๓ ส.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐฯออกบทความ วิเคราห์ว่า “กองทัพยูเครนกำลังละทิ้งยุทธวิธีการสู้รบของครูฝึกชาวตะวันตก และกลับไปใช้กลยุทธ์การเผชิญหน้าระยะไกลกับกองกำลังรัสเซีย แต่กระนั้นก็ยังไม่ชัดเจนว่าเคียฟมีกระสุนเพียงพอที่จะสนับสนุนแผนดังกล่าวหรือไม่”

นับตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อต้นแผนการตอบโต้ของเคียฟในเดือนมิถุนายน การบุกอย่างต่อเนื่องของยูเครนได้รับการยอมรับจากเจ้าหน้าที่ในวอชิงตันและเคียฟว่าเป็นไปอย่างช้าๆและน่าผิดหวัง และที่เลวร้ายที่สุด คือการโจมตีผ่านทุ่นระเบิดของรัสเซียโดยไม่มีการสนับสนุนทางอากาศ รถถังและยานเกราะของยูเครนที่จัดหาโดยตะวันตกถูกกองบินและปืนใหญ่ของรัสเซียทุบทำลายและถอดทิ้ง มอสโกว์ประเมินว่าการรุกดังกล่าวทำให้เคียฟต้องสูญเสียกำลังพลอย่างน้อย ๓๐,๐๐๐ นาย

นั่นเป็นการสรุปของปธน.ปูตินเมื่อปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดตัวเลขชัดว่า เดือนมิ.ย.เคียฟสูญเสียทหาร ๒๖,๐๐๐ นาย และเดือนก.ค.ก็สูญเสียอีก ๒๑,๐๐๐ นาย ขณะที่สื่อโปลิติโกของสหรัฐฯเปิดเผยว่า การรุกโต้กลับของยูเครนใช้กำลังพล ๑๕๐,๐๐๐ นาย นั่นหมายถึง สูญไม่แล้วเกือบ ๕๐,๐๐๐ นาย

สื่อโปลิติโกระบุว่า เคียฟได้กระจายกำลังทหาร ๑๕๐,๐๐๐ นายพร้อมแกนโจมตี ๓ แกนหลัก โดยมีหน่วยฝึกที่ดีที่สุดของนาโต้พยายามเจาะเครือข่ายป้อมปราการหลายชั้นของรัสเซีย ใกล้กับหมู่บ้าน Orekhov ในเขต Zaporozhye ผลคือแพ้ราบคาบ ฐานที่มั่นของรัสเซียได้รับการพิสูจน์แล้วว่าน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

ทางด้านกำลังรบที่ผ่านมา แนวหน้าของแนวรุกคือกองพล ๙ กองพลที่ได้รับการฝึกโดยนาโต้ หนึ่งในนั้นคือกองพลยานยนต์ที่ ๔๗ ซึ่งมีรายงานว่าเสียยานเกราะต่อสู้ทหารราบแบรดลีย์ที่ผลิตในอเมริกาไป ๓๐% ภายในสองสัปดาห์แรกที่บุก

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เขียนโดยอ้างถึง “เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและนักวิเคราะห์อิสระ” ระบุว่า “เพื่อตอบสนองต่อความสูญเสียเหล่านี้ ผู้บัญชาการทหารของยูเครนได้เปลี่ยนยุทธวิธี โดยมุ่งเน้นไปที่การปราบปรามกองกำลังรัสเซียด้วยปืนใหญ่และขีปนาวุธพิสัยไกล แทนที่จะพุ่งเข้าใส่ทุ่นระเบิดภายใต้การยิงถล่มของรัสเซีย” 

แต่ด้วยเวลาการฝึกที่จำกัด ชาวยูเครนจึงประสบปัญหาในการนำยุทธวิธีทางอาวุธผสมมาตรฐานของนาโต้มาปฏิบัติ สื่ออ้างถึงเหตุการณ์ที่หน่วยยูเครนหน่วยหนึ่งหลงจากทางที่ปลอดภัยเข้าไปในสนามทุ่นระเบิด และอีกหน่วยหนึ่งซึ่งหน่วยทหารราบไม่สามารถติดตามการทิ้งระเบิดของปืนใหญ่ได้ ด้วยการจู่โจมแนวรบของรัสเซีย ทำให้ฝ่ายป้องกันรัสเซียมีเวลาเพียงพอในการเตรียมการโต้กลับ

ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ อธิบายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า “นักวางแผนทางทหารของอเมริกาเริ่มฝึกทหารยูเครนในการซ้อมรบเพื่อประหยัดกระสุน พวกเขาให้ความสำคัญกับการซ้อมรบมากขึ้น เชื่อว่ามีโอกาสที่ดีที่ยูเครนจะต้องการอาวุธยุทโธปกรณ์ปืนใหญ่น้อยลง” เขียนแบบนี้ฟาดหน้ากลาโหมเมกาเต็มๆ

โดยอ้างข้อมูลจากนิตยสารForeign ระบุว่า “โดยทั่วไปหลักคำสอนทางทหารของนาโต้จะถือว่าการซ้อมรบจะดำเนินการหลังจากกองกำลังตะวันตกสร้างความเหนือกว่าทางอากาศแล้ว แต่ยูเครนก็เปิดฉากตอบโต้โดยขาดองค์ประกอบที่สำคัญของกลยุทธ์นี้ เจ้าหน้าที่ตะวันตกและสื่อต่างๆ ประโคมข่าวคู่มือใหม่ของ NATO ของยูเครนว่าเป็น”ข้อได้เปรียบที่ซ่อนอยู่”ซึ่งจะช่วยให้กองกำลังยูเครนมีความว่องไวและรวดเร็วที่พวกเขาต้องการเพื่อเอาชนะในสงครามล้างแค้นรัสเซียยึดคืนดินแดนที่รัสเซียยึดครอง”

ไทมส์ตั้งข้อสังเกตุว่า “ข้อเท็จจริงที่ว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับคุณภาพของการฝึกที่ชาวยูเครนได้รับจากตะวันตก และเกี่ยวกับว่าอาวุธมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯทั้งจากเมกาและสมาชิกนาโต้ ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนกองทัพยูเครนให้เป็นกองกำลังต่อสู้มาตรฐานของนาโต้หรือไม่”

ดูเหมือนว่ากองทัพยูเครนจะกลับไปใช้รูปแบบการต่อสู้ด้วยปืนใหญ่ ประเด็นเรื่องกระสุนน่าจะกลับมาอยู่ในแนวหน้า คลังอาวุธของสหรัฐฯ หมดลงแล้วจนถึงจุดที่วอชิงตันส่งคลัสเตอร์บอมบ์เก่าเก็บมาแทนกระสุนขนาด ๑๕๕ มม. มาตรฐานของนาโต้ และไทม์ฟันธงว่า ยูเครนเสี่ยงที่จะ “เสียเปรียบ” ใน “สงครามล้างผลาญ”อีกครั้ง