ล้มโดมิโน!! แบงก์สหรัฐฯล้มครืนเป็นรายที่ ๕ Heartland Tri-State Bank เจ๊ง เหตุเฟดขึ้นดอกเบี้ยดีดวิกฤตธนาคารลาม

0

ระทึกอีกแล้วเมื่อธนาคารสหรัฐเจ๊งอีก ล่าสุดHeartland Tri-State Bank of Elkhart ต้องปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมี Federal Deposit Insurance Corporation หรือ FDIC เข้าควบคุม

วันที่ ๓๑ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวคอยน์เทเลกราฟและนิวส์บิทคอยน์ของสหรัฐฯรายงานว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับระบบธนาคารของสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ Heartland Tri-State Bank of Elkhart ถูกปิดเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคมที่ผ่านมาโดย Kansas Office of the State Bank Commissionerออกมาแถลง และแจ้งว่าในวันจันทร์ที่ ๓๑ กรกฎาคม สาขาทั้งสี่ของ Heartland Tri-State Bank จะเปิดอีกครั้งในฐานะสาขาของ Dream First Bank ภายใต้เวลาทำการปกติ 

ผู้ฝากเงินของธนาคารที่ล้มเหลวจะกลายเป็นลูกค้าของ Dream First Bank ซึ่งหมายความว่าธุรกรรมการถอน การฝาก และสินเชื่อจะดำเนินการผ่าน Dream First Bank ลูกค้าของ Heartland Tri-State Bank ต้องใช้ที่ตั้งสาขาที่มีอยู่ต่อไปจนกว่าธนาคารจะเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลง

Heartland Tri-State Bank เป็นธนาคารแห่งที่ ๕ ที่พังทลายนับตั้งแต่การล่มสลายอย่างมากของ Silicon Valley Bankในเดือนมีนาคม ที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกและโกลาหลในระบบธนาคารของสหรัฐฯ

ต่อมาเป็นธนาคาร First Republic Bank ประสบปัญหาถูกซื้อกิจการโดย JPMorganในเดือนพฤษภาคม หลังจากความพยายามในการช่วยเหลือบริษัทล้มเหลว 

รายที่ ๔ เกิดก่อนหน้า Heartland เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม PacWest ได้ควบรวมกิจการกับ Banc of Californiaโดยทั้งสองธนาคารดูเหมือนจะพยายามหาทางรอดท่ามกลางความวุ่นวายของอุตสาหกรรมการธนาคาร

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เบื้องหลังความล้มเหลวของธนาคารเกิดจากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นพร้อมกับการบริหารความเสี่ยงที่ไม่ดีของสถาบันการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานในปีที่ผ่านมาเป็น ๕.๒๕% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ในความพยายามที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อในประเทศ ในเดือนมิถุนายน อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อยู่ที่ ๔.๑% เมื่อเทียบเป็นรายปี

Heartland Tri-State Bank มีสินทรัพย์รวมประมาณ ๑๓๙ ล้านดอลลาร์ และเงินฝากรวม ๑๓๐ ล้านดอลลาร์ ณ เดือนมีนาคม นอกเหนือจากเงินฝากแล้ว Dream First Bank ตกลงที่จะซื้อสินทรัพย์ของธนาคารที่ล้มเหลวทั้งหมดในครั้งนี้

FDIC ประมาณการว่าค่าใช้จ่ายของกองทุนประกันเงินฝาก (DIF) จะอยู่ที่ ๕๔.๒ ล้านดอลลาร์  

DIFเป็นกองทุนประกันที่ก่อตั้งโดยสภาคองเกรสในปี ๑๙๓๓ และบริหารงานโดย FDIC เพื่อปกป้องเงินฝากในธนาคารของประเทศ FDIC กล่าวว่า “เมื่อเทียบกับทางเลือกอื่นๆ Dream First Bank, National Associations การเข้าซื้อกิจการเป็นข้อยุติที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดสำหรับ DIF” 

พรรคเดโมแครตในคณะกรรมการบริการทางการเงินของสภาได้ออกกฎหมายหลายฉบับในเดือนมิถุนายนในสิ่งที่พวกเขาอธิบายว่าเป็น “คลื่นลูกแรก” ของกฎหมายที่มุ่งแก้ไขความล้มเหลวของธนาคารรายใหญ่

แม็คซีน วอเตอร์(Maxine Waters) ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตกล่าวว่า “ความล้มเหลวของ Silicon Valley Bank, Signature Bank และ First Republic Bank ทำให้ชัดเจนว่าถึงเวลาแล้วสำหรับกฎหมายที่มุ่งเสริมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงของระบบธนาคารของสหรัฐฯ และเพิ่มความรับผิดชอบของผู้บริหารธนาคาร สภาคองเกรสต้องไม่นั่งเฉยกับวิกฤตครั้งนี้” 

มุมมองของคริส โวลฟ์ (Chris Wolfe) นักวิเคราะห์ของ Fitch มองวิกฤตธนาคารสหรัฐว่า ธนาคารครึ่งหนึ่งของประเทศมีแนวโน้มที่จะถูกกลืนโดยคู่แข่งภายในทศวรรษหน้า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การขาดทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และการตรวจสอบด้านกฎระเบียบที่เข้มข้นขึ้นจะกดดันธนาคารระดับภูมิภาคและขนาดกลาง ซึ่งนำไปสู่การควบรวมกิจการในที่สุด