“รัสเซียพร้อมเผชิญหน้านาโต้” คำประกาศล่าสุดของปธน.ปูติน บ่งบอกว่ารัสเซียพร้อมแล้วสำหรับการปะทะโดยตรงกับเมกาและนาโต้ เขากล่าวย้ำว่า “มอสโกว์ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มผู้นำตะวันตก แต่พร้อมสำหรับผลลัพธ์ใดๆที่จะเกิดขึ้น เมื่อตะวันตกเป็นฝ่ายกระทำ”
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นทั้งในประเทศรัสเซีย แนวหน้ายูเครนและที่ซีเรีย มีการประชุมครั้งสำคัญระหว่างรัสเซียและชาวทวีปอาฟริกา ปูตินประสบความสำเร็จอย่างมากได้ใจผู้นำอาฟริกันไปอย่างเต็มๆ ส่วนที่แนวหน้าเคียฟเร่งมือใช้วิธีก่อการร้ายถี่ขึ้นทั้งที่ใจกลางมอสโกว์และแหลมไครเมีย ด้านซีเรียมีการเผชิญหน้ากันระหว่างบินรบรัสเซียและโดรนตัวตึงของมะกัน คำพูดของปธน.ปูตินเป็นการให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวกรณีซีเรีย
ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รอยเตอร์รายงานว่า อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิตรี เมดเวเดฟ กล่าวในช่องเทเลแกรมส่วนตัวย้ำว่า มอสโกว์อาจจะต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์หากเคียฟคุกคามต่อเนื่องในศูนย์กลางชุมชนของรัสเซียและเคียฟสามารถพลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายได้เปรียบซึ่งวันนี้ยังไม่ใช่
วันที่ ๓๑ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียกล่าวว่า “รัสเซียพร้อมเสมอสำหรับทุกสถานการณ์” เขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเผชิญหน้าโดยตรงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกองทัพรัสเซียและนาโต้
ปธน.ปูตินกล่าวว่า “ไม่มีใครต้องการแบบนั้น” และชี้ไปที่แนวป้องกันความขัดแย้งที่มีอยู่ ซึ่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐฯ พูดคุยกันได้โดยตรงเกี่ยวกับ“สถานการณ์วิกฤติใดๆ” ความจริงที่ว่าบรรทัดฐานเหล่านี้ยังคงใช้งานได้ เขากล่าวเสริมว่า “ถ้ามีคนต้องการ และนั่นไม่ใช่เรา แต่เราก็พร้อม”
กองทัพรัสเซียรายงานเหตุการณ์อันตรายทั้งหมด ๒๓ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินของตนและของพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๖
พลเรือเอก โอเล็ก กูรินอฟ หัวหน้าศูนย์สมานฉันท์รัสเซียในซีเรีย (Admiral Oleg Gurinov, the head of the Russian Reconciliation Center for Syria) กล่าวว่า เหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ใน ๑๑ กรณี นักบินรัสเซียถูกบันทึกว่าตกเป็นเป้าหมายของระบบอาวุธตะวันตก การยั่วยุดังกล่าวโดยกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ นำไปสู่การปะทะโดยอัตโนมัติของระบบป้องกันบนเครื่องบินรบซึ่งปล่อยพลุไฟล่อใส่โดรนสหรัฐเหนือฟ้าซีเรีย
มอสโกว์ยังเตือนวอชิงตันและพันธมิตรหลายครั้ง เกี่ยวกับความเสี่ยงของความขัดแย้งโดยตรงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและนาโต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครน การส่งอาวุธตะวันตกไปยังเคียฟอย่างต่อเนื่องมีแต่จะขยายความเป็นปรปักษ์และบังคับให้ผู้สนับสนุนตะวันตกมีส่วนร่วมในความขัดแย้งอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ปธน.ปูตินได้ให้สัมภาษณ์หลังสิ้นสุดการประชุมสุดยอดรัสเซีย-อาฟริกาซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง แถลงถึงประเด็นสำคัญของสถานการณ์ล่าสุด กล่าวถึงหัวข้อต่างๆ ตั้งแต่ความมั่นคงของชาติไปจนถึงเสบียงอาหารทั่วโลก
๑.ปูตินตอกย้ำมอสโกว์พร้อมสำหรับ ‘ทุกสถานการณ์’ กับนาโต้ เขาย้ำว่ารัสเซียต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าด้วยอาวุธโดยตรงกับชาติตะวันตก แต่คำนึงถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเป็นไปได้ซึ่งเขายืนยันว่า รัสเซียพร้อมเผชิญหน้า ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด เขาได้รับรายงานอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับสถานการณ์ของแนวหน้า และพูดคุยกับนายพลระดับสูงของเขาหลายครั้งต่อวัน ปูตินเสริมว่าเขาสามารถติดต่อ”หน่วยพิเศษ” ได้ เมื่อจำเป็น
๒.เขากล่าวว่าสภาพล่าสุดเคียฟไม่มีทหารเกณฑ์ กองทัพยูเครนไม่เพียงประสบความสูญเสียอย่างหนักในสนามรบเท่านั้น แต่ยังต้องดิ้นรนด้านกำลังคนด้วย ในขณะที่จับตัวนักโทษ ทางการรัสเซียค้นพบว่ายูเครนได้“จัดตั้งหน่วยทหาร”ที่ประกอบด้วยช่างอากาศยาน “มันบอกอะไรเรา? ทรัพยากรการระดมกำลังของพวกเขากำลังร่อยหรอ”
๓.สะพานไครเมียจะมีการป้องกันเพิ่มเติมจากการโจมตี
การรักษาความปลอดภัยบริเวณสะพานซึ่งเชื่อมระหว่างไครเมียกับรัสเซียแผ่นดินใหญ่ จะถูกเสริมความแข็งแกร่งหลังจากการโจมตีของยูเครนในเดือนนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต๒ คนและเด็กหญิงวัย ๑๔ ปีบาดเจ็บ ๑ คน ปูตินแจงว่า รัสเซียตอบโต้ด้วย“การโจมตีเชิงป้องกัน”ในสถานที่ที่ใช้ผลิตและส่งมอบโดรนของกองทัพเรือยูเครนที่มีเป้าหมายไปที่สะพานแห่งนี้
๔.รัสเซียมีบทบาทต่อการจัดหาอาหารทั่วโลกมากกว่ายูเครน
ปูตินกล่าวว่า “ส่วนแบ่งของธัญพืชของยูเครนในตลาดโลกมีน้อยกว่า ๕% ในขณะที่ส่วนแบ่งของธัญพืชจากรัสเซียส่งไปทั่วโลกมีมากกว่า ๒๐%” พร้อมเสริมว่าปริมาณของธัญพืชที่ส่งออกจากยูเครนจะลดลงอีกเนื่องจากความพยายามระดมพลของเคียฟ รัสเซียปฏิเสธที่จะต่ออายุข้อตกลงธัญญพืชปี ๒๐๒๒ ที่มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งมอบอาหารและปุ๋ยจากยูเครนและรัสเซีย มอสโกว์แฉว่าประเทศตะวันตกไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้
๕.ประเทศในสหภาพยุโรปยังคงปิดกั้นการขนส่งปุ๋ยไปยังประเทศกำลังพัฒนา
สินค้าของรัสเซียยังคงถูกกักไว้ที่ท่าเรือของรัฐบอลติก มอสโกว์พร้อมที่จะจัดส่งปุ๋ยให้ประเทศที่ต้องการฟรี แต่ถูกห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้น “ไม่มีใครอธิบายให้เราฟังได้ว่าทำไม”เขากล่าวว่าปีที่แล้วประเทศนี้กักสินค้าและขัดขวางไม่ให้รัสเซียขนส่งปุ๋ย ๓๐๐,๐๐๐ ตันออกจากท่าเรือของสหภาพยุโรป