สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันที่ ๒๕ ก.ค.ที่ผ่านมาว่า จีนปลด ฉิน กัง ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และแต่งตั้ง หวัง อี้ กลับมาดำรงตำแหน่งฯแทน พร้อมกับปลด อี้ กัง ออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน หรือธนาคารกลางจีน และแต่งตั้ง พาน กงเซิ่ง ดำรงตำแหน่งแทน
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวตั้งข้อสังเกตุตลอดเวลาเกือบ ๑ เดือนที่ผ่านมาฉิน กังไม่ปรากฎตัวและเลื่อนการเข้าร่วมประชุมครั้งสำคัญหลายครั้งเมื่อผลออกมาว่าถูกปลดสื่อทั้งหลายออกมาแสดงความเห็นกันอย่างคึกคัก
วันที่ ๒๖ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า หลังจากเปลี่ยนรัฐมนตรีต่างประเทศ บุคคลที่จะมาแทนฉินได้รับการเสนอชื่อแล้ว ซึ่งสิ้นสุดสัปดาห์แห่งการแพร่ข่าวลือสารพัด แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรทำให้อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศถูกถอดถอน แต่การแต่งตั้งหวัง อี้กลับเข้ามารับตำแหน่งทำให้เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในด้านต่างประเทศในรอบหลายทศวรรษ
เกิดคำถามมากกว่าคำตอบสำหรับหนึ่งในละครการเมืองที่เข้มข้นที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สื่อของรัฐจีนรายงานเมื่อวันอังคารว่า ฉินหายตัวไปจากสายตาสาธารณะตั้งแต่เดือนมิถุนายน รายงานไม่ได้ระบุรายละเอียดหรือบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอดีตนักการทูตอาวุโสหรือความรับผิดชอบอื่นๆ ของเขา นอกจากนี้มีข่าวลือแพร่สะพัดในโซเชียลมีเดียของจีนว่าเขามีสัมพันธ์กับพิเศษกับผู้จัดรายการโทรทัศน์ Fu Xiaotian วัย ๔๐ ปี ซึ่งขัดกับหลักการธรรมาภิบาลของพรรค เรื่องการมีสัมพันธ์ซ้อนสำหรับผู้นำระดับสูง
ฉิน ซึ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเมื่อ ๗ เดือนก่อน ยังเป็นที่ปรึกษาของรัฐและเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกลางของพรรคอมมิวนิสต์จีน แม้ว่าตอนนี้เขาน่าจะเสียตำแหน่งเหล่านี้มากที่สุดเช่นกัน แต่ก็ไม่มีการเอ่ยถึงตำแหน่งเหล่านี้ในแถลงการณ์สั้นๆ เมื่อวันอังคาร ทำให้สาธารณชนต่างพาคาดเดาถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้
สิ่งที่ทำให้งงก็คือการแทนที่ของเขา แทนที่จะส่งเสริมผู้สมัครคนอื่น ผู้นำได้โอนตำแหน่งให้กับหวัง อี้ซึ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นโปลิตบูโรผู้ทรงอำนาจเมื่อหลายเดือนก่อนและมีตำแหน่งสูงกว่าฉิน
สิ่งนี้ทำให้หวังเป็นสมาชิกโปลิตบูโรคนแรกนับตั้งแต่เฉียน ฉีเฉิน(Qian )ที่ดำรงตำแหน่ง รับผิดชอบหลักในการดำเนินนโยบาย เป็นทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนและเป็นสมาชิกของ Politburo ระหว่างปี ๑๙๙๒ ถึง ๑๙๙๘
ปรากฎการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเร่งด่วนของผู้นำสูงสุดในการฟื้นฟูสถานการณ์ซึ่งกลายเป็นความลำบากใจอย่างมากสำหรับกิจการต่างประเทศของจีน และวิกฤตการเมืองสำหรับสีในสมัยที่สามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ทั้งการปลดฉินซึ่งทำให้เขาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่มีอายุสั้นที่สุดของจีน และการแต่งตั้งหวัง ซึ่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอีกครั้งในช่วงสองวาระแรกของสี เนื่องจากเขาไม่มีผู้สืบทอดอย่างชัดเจนมาก่อน
อัลเฟรด อู๋(Alfred Wu) รองศาสตราจารย์จาก Lee Kuan Yew School of Public Policy ในสิงคโปร์กล่าวว่า “ข้อเท็จจริงที่ว่า Wang ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่แทนฉิน ท่ามกลางวิกฤติบุคลากรครั้งใหญ่ในการเมืองแผ่นดินใหญ่ บ่งบอกความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของ Wang กับผู้นำสูงสุด” นอกจากตอกย้ำสถานะของหวังในฐานะนักการทูตระดับสูงที่สุดของประเทศแล้ว ยังเน้นย้ำว่านักการทูตผู้ช่ำชองคนนี้ “ยังคงเป็นผู้ช่วยด้านนโยบายต่างประเทศที่สี จิ้นผิงวางใจที่สุดเพื่อดูแลกิจการต่างประเทศ”
หวังได้เข้าร่วมกิจกรรมทางการทูตหลายชุดในขณะที่ฉิน กังไม่ปรากฎตัวต่อสาธารณะ รวมถึงการประชุมของกลุ่มบริกส์ในแอฟริกาใต้ และพบปะกับอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เฮนรี คิสซิงเจอร์และจอห์น เคอร์รีในประเทศจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การประกาศสั้น ๆ โดยสื่อของรัฐระบุว่าสภานิติบัญญัติสูงสุดไม่ได้ตัดสินใจถอดฉิน ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาของรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่เหนือรัฐมนตรี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวค่อนข้างผิดปกติ เมื่อพิจารณาถึงการถอดถอนหยาง จิง ซึ่งเป็นผู้ช่วยระดับสูงของอดีตนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ในปี ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นทั้งที่ปรึกษาของรัฐและเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
การจัดการอย่างลับๆ ของปักกิ่งทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับกระบวนการตัดสินใจที่คลุมเครือของรัฐบาลจีน และเพิ่มความสับสนและไม่ไว้วางใจในชาติตะวันตก อันที่จริงตะวันตกก็ได้แสดงท่าทีและจุดยืนต่อต้านจีนอย่างโจ่งแจ้งอยู่แล้วเลยได้โอกาสขยายผลว่า การบริหารงานของผู้นำจีนไม่มีความโปร่งใสในสายตาแบบตะวันตก
อู๋กล่าวว่า“มหากาพย์เรื่องนี้สร้างความอับอายครั้งใหญ่ให้กับจีนและได้เปิดโปงความไม่โปร่งใสของการตัดสินใจของจีน มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับปักกิ่ง เนื่องจากรัฐบาลพยายามผ่อนคลายความตึงเครียดกับสหรัฐฯ และพันธมิตร และกระตุ้นความเชื่อมั่นของธุรกิจต่างชาติในประเทศ”
ฉีกัน ฉู(Zhiqun Zhu) ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยบัคเนล (Bucknell) กล่าวว่า “การแต่งตั้ง Wang อีกครั้งมีเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับสถานการณ์และให้หลักประกันเกี่ยวกับความต่อเนื่องของนโยบายต่างประเทศของจีน”