ศึกใหญ่ใกล้เข้ามา!! สี จิ้นผิงสั่งกองทัพเตรียมพร้อมทำศึกตะวันตก ปลดรมว.ต่างประเทศ-ผู้ว่าแบงก์ชาติ ปิดจุดอ่อน

0

การขยับครั้งใหญ่ของจีน กำลังเป็นที่จับตาของฝั่งแองโกลแซกซอนอย่างมาก กาเคลื่อนไหวล่าสุด มีการปรับตำแหน่งบุคคลสำคัญทางการเมืองและเศรษฐกิจส่งสัญญาณถึงจุดยืนเชิงลึกของจีนวันนี้ต่อสถานการณ์การบีบคั้นของสหรัฐฯทั้งทางเศรษฐกิจ-การเมืองและการทหาร

กรณีแรกคือการปลดรมว.ต่างประเทศซึ่งกำลังไปได้สวยในเวทีต่างประเทศ รับตำแหน่งเพียง ๗ เดือนก็เกิดเรื่อง หลายสำนักข่าวเกือบทุกข่ายรายงานเรื่องนี้อย่างคึกคัก โดยอ้างการรายงานของสื่อจีนว่า เมื่อวันที่ ๒๕ ก.คที่ผ่านมา สภาประชาชนแห่งชาติซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติสูงสุดของจีนได้ปลดนายฉิน กัง (Qin Gang) ออกจากตำแหน่ง รมว.กต. และมีมติแต่งตั้งนายหวัง อี้ (Wang Yi) มนตรีแห่งรัฐและ อดีต รมว.กต. คนก่อนหน้านี้กลับเข้าดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยสื่อของจีนไม่ได้ระบุเหตุผลของการปลดฉิน ซึ่งปรากฏตัวผ่านสื่อครั้งสุดท้ายในการพบปะกับรอง รมว.กต.รัสเซียที่เดินทางเยือนจีนเมื่อวันที่ ๒๕ มิ.ย.ที่ผ่านมา สื่อซุบซิบกันมาบ้าง โดยตั้งข้อสังเกตุว่าฉินยกเลิกกำหนดการเข้าร่วมประชุมสำคัญหลายครั้งโดยให้เหตุผลด้านสุขภาพ ก่อนจะถูกปลดออกจากตำแหน่งดังกล่าว

สื่อตะวันตกกระซิบดังๆว่าเป็นปัญหาส่วนตัวด้านสหรัฐฯรีบบอกพร้อมทำงานกับคนใหม่ ที่ฮือฮาอีกเรื่องคือการปลดผู้ว่าการแบงก์ชาติที่จนวันนี้สื่อตะวันตกยังไม่ออกมาวิเคราะห์เหตุ แต่งานนี้ปธน.สีลงนามปลดภายใต้มติเห็นชอบจากคณะกรรมการถาวรประจำสภานิติบัญญัติฯ

และได้ปลด อี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีนหรือธนาคารกลางจีน ออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้ง พาน กงเซิ่ง ดำรงตำแหน่งแทน

ผู้นำจีนได้ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อบังคับใช้มติฯของที่ประชุมฯ โดยมีจ้าว เล่อจี้ ประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาฯ เป็นประธานการประชุมครั้งนี้ ซึ่งได้เปิดการประชุมเมื่อเช้าวันอังคารที่ ๒๕ ก.ค.ที่ผ่านมา

ระหว่างการประชุมสภานิติบัญญัติระดับสูงนี้ ยังมีการพิจารณาร่างกฎหมายอาชญากรรม (Criminal Law) ฉบับแก้ไข ซึ่งมุ่งเน้นการดำเนินการตามหลักการของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน(CPC) และนโยบายเกี่ยวกับการต่อสู้การทุจริตและการคุ้มครองผู้ประกอบการเอกชนอย่างสอดคล้องกับกฎหมาย

โดยรวมแล้วการปลดวีไอพีทั้งสองตำแหน่งน่าจะเกี่ยวข้องกับธรรมภิบาลในองค์กรที่สี จิ้นผิงประกาศให้ความสำคัญอย่างยิ่งมาโดยตลอดและสถานการณ์ล่อแหลมของสงครามเศรษฐกิจและด้านความมั่นคง

วันที่ ๒๖ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และโกลบัลไทมส์รายงานถึงการประกาศรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่และผู้ว่าการแบงก์ชาติจีนคนใหม่ในคราวเดียวกัน

ท่ามกลางสถานการณ์ใหม่ในความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯที่ผลักดันให้นาโต้เอเชียขับเคลื่อนทางการทหารในเอเชีย-แปซิฟิก และกีดกันกลั่นแกล้งจีนทางเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนบอกกับผู้นำทางทหารในการประชุมในปี 2563 เหมือนหยั่งรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้  สีระบุว่าการที่ประเทศจีน “ผงาดขึ้น” และตะวันตกกำลัง “ถดถอย” ปักกิ่งจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย เรื่องนี้สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นเอามารีวิวอีกครั้งเมื่อญี่ปุ่นเปิดฉากกีดกันส่งออกชิปต่อจีนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

อ้างเอกสารจากการประชุมเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ ระหว่างสีและคณะกรรมาธิการการทหารกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน สื่อญี่ปุ่นอ้างว่าสีประกาศว่า“ตะวันออกกำลังรุ่งและตะวันตกกำลังถดถอย”

ท่ามกลางความสมดุลทางอำนาจที่เปลี่ยนไป สีจิ้นผิงคาดการณ์ว่าความขัดแย้งเฉพาะพื้นที่อาจแตกออกและขยายวงกว้างขึ้น แม้ว่าเขาจะตัดความเป็นไปได้ของสงครามโลกครั้งที่สามออกไป ไม่ชัดเจนว่าสีมองว่าความขัดแย้งดังกล่าวเกิดขึ้นจากที่ใด แต่สำนักข่าวเกียวโดเสนอว่าเขามองว่าไต้หวันเป็นจุดวาบไฟที่อาจปะทุเป็นสงครามใหญ่

มีรายงานว่าเอกสารดังกล่าวถูกรวบรวมหลังการประชุมในปี ๒๕๖๓ และออกให้กับผู้บัญชาการและเจ้าหน้าที่พรรคของจีนเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว เมื่อถึงจุดนั้น รัสเซียกำลังต่อสู้กับสิ่งที่ปธน.ปูตินเรียกว่า”เครื่องจักรทางทหารของตะวันตกทั้งหมด”ในยูเครน และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนเกี่ยวกับไต้หวันก็ถึงจุดเดือดจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ยืนกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาจะปกป้องไต้หวันขัดขวางจีนยึดครองเกาะด้วยกำลังทหาร

สี จิ้นผิง เน้นย้ำถึงความจำเป็นของกองทัพจีนในการ”เตรียมพร้อมสำหรับการปะทุของสงครามและปฏิกิริยาลูกโซ่”และสั่งให้ผู้บังคับบัญชา”เตรียมพร้อมตลอดเวลาสำหรับการสู้รบ”เพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติจีน

ความเห็นของประธานาธิบดีเกิดขึ้นในที่ประชุมปิด แต่ผู้นำจีนมักกล่าวถ้อยแถลงในลักษณะเดียวกันนี้ในที่สาธารณะบ่อยครั้งมากขึ้น เขาสั่งให้ทหาร“เสริมสร้างการฝึกทางทหารอย่างรอบด้านเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม”ระหว่างการเยือนศูนย์บัญชาการเมื่อปีที่แล้ว และในเดือนเมษายน บอกให้ทหารเน้นการฝึกไปที่“การสู้รบจริง”เพื่อป้องกัน“อธิปไตยเหนือดินแดนและผลประโยชน์ทางทะเล”ของจีน

เมื่อเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้มองเห็นภาพชัดของ ความเปราะบางในเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งมีจุดวาบไฟแห่งความขัดแย้งหลายที่ ทั้งไต้หวัน คาบสมุทรเกาหลี และทะเลจีนใต้ และในทุกปริมณฑลเหล่านี้มีสหรัฐฯเข้ามาเขย่าความขัดแย้งผ่านเอเยนต์สงครามนาโต้เอเชีย กลุ่มควอดและออคัสอย่างเอาการเอางาน!!