จากที่กลุ่มเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังมาแรงแซงเศรษฐกิจกลุ่มยุโรป ซึ่งกำลังถูกจับตามองจากนานาประเทศทั่วโลก รวมทั้งการแสดงความสนใจในการขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วย
ทั้งนี้ สำนักข่าวสปุ๊ตนิก และแอฟริกาใต้ ได้รายงานเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ถึงการประชุมกลุ่มบริกส์ว่า “ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซาแห่งแอฟริกาใต้ ในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ได้ส่งคำเชิญไปยังผู้นำของ 70 ประเทศให้เข้าร่วมการประชุมด้วย
โดยรายงานระบุว่า การประชุมสุดยอดในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ไม่ได้เชิญประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศส และผู้นำของสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
ต่อมาวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิด ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวผ่าน Blockdit รวมทั้งความเคลื่อนไหวของชาติมหาอำนาจใหม่ซึ่งเป็นแกนนำของกลุ่มบริกส์ว่า
“ทุกข์ของมาครง:จะอยู่ร่วมกับอียูซึ่งมีอเมริกาเป็นนายก็ถูกเอาเปรียบเรื่อยไป แต่ครั้นจะขอไปนั่งฟังกลุ่ม BRICS ประชุมหารือ เขาก็ปฏิเสธ ไม่เชิญไปร่วมประชุมใดๆเลย ไม่มีอะไรน่ากลุ้มกว่านี้แล้ว”
“ฝันร้ายของอเมริกา:อาทิตย์ก่อน จีนไปสร้างเครือข่าย (ซึ่ง CIA มองว่าเป็นเครือข่ายข่าวกรอง) ที่คิวบายังไม่พอ อาทิตย์นี้ รัสเซียส่งเรือรบไปเยือนคิวบาอย่างเป็นทางการเสียด้วย
คิวบาอยู่ห่างจากอเมริกา 90 ไมล์ และหลังจากเห็นความเคลื่อนไหวของสงครามพันทางที่อเมริกาพยายามทำในคิวบาขณะนี้ รัฐบาลคิวบาได้อนุญาตให้รัสเซียมาตั้งค่ายทหารในคิวบาได้ด้วยถ้ารัสเซียประสงค์ เพื่อเอาขีปนาวุธมาจ่อคอหอยอเมริกาเหมือนที่อเมริกาเอาไปจ่อรัสเซียที่ยุโรปบ้าง คิวบาจะได้ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ต้องการเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งฝรั่งเศสไม่ได้เป็นสมาชิก และได้ขอให้ทางเจ้าภาพส่งเทียบเชิญให้เข้าร่วมในการประชุมที่โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศอาฟริกาที่กำลังจะมีขึ้น สุดท้ายแห้วเจ้าภาพไม่เชิญ
สำหรับกลุ่ม BRICS มีประชากรรวมกันแล้ว 42 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรโลก ประมาณ 3200 ล้านคน จากประชากรโลกที่มีประมาณ 7000 ล้านคน
ปี 2564 BRICS มี GDP ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศรวมกันคิดเป็น 26 เปอร์เซ็นต์ หรือ 1 ใน 4 ของ GDP ของโลก ราวๆ 24 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ในปี 2563 มีมูลค่าการค้า ทั้งนำเข้า-ส่งออก คิดเป็นสัดส่วนกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ แต่พอมาถึง 2564 จาก 3 ล้านล้านดอลลาร์ กลายเป็น 24 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ , ในปี 2564 สมาชิก BRICS มีทุนสำรองระหว่างประเทศรวมกันคิดเป็นมูลค่าเกือบ 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ในปี 2566 GDP และ PPP กลุ่ม BRICS อยู่ที่ 63.91 ล้านล้านดอลลาร์ จาก 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ขึ้นมาเป็น 36 เปอร์เซ็นต์ ของโลก กลุ่ม G7 นั้นมีอยู่แค่ 27 เปอร์เซ็นต์ของโลก หรือ 48.18 ล้านล้านเหรียญ ต่างจากกลุ่ม BRICS ถึง 9 เปอร์เซ็นต์