ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมในเยอรมนีพบว่าตัวเองเป็นหนึ่งในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากความพยายามของตะวันตกที่จะ “ลงโทษ” รัสเซียสำหรับการปฏิบัติการทางทหารในยูเครน โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมตกต่ำและประเทศจมสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาตั้งแต่เมื่อต้นปีนี้ หลังจากสูญเสียการเข้าถึงแหล่งจัดหาไฮโดรคาร์บอนของรัสเซียราคาถูกและเชื่อถือได้
วันที่ ๒๕ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า ผู้นำธุรกิจ ผู้บริหาร และรัฐบาลเยอรมันแสดงความไม่พอใจอย่างกว้างขวางต่อนโยบายด้านพลังงานและเศรษฐกิจของรัฐบาล และแสดงความกลัวว่าเศรษฐกิจของมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมของยุโรปกลางอาจ “ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว” โดยมีวันที่ดีที่สุดเป็นอดีตที่ยากจะหวนคืน
สถาบัน Allensbach Institute ได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ ๑๓ มิถุนายนถึง ๗ กรกฎาคมที่ผ่านมา
การสำรวจสมาชิกคณะกรรมการบริษัท ๔๘๔ คน กรรมการผู้จัดการ รัฐมนตรีรัฐบาล และผู้มีอำนาจตัดสินใจระดับสูงอื่น ๆ โดยสถาบัน Allensbach Institute for Public Opinion Research สำหรับสื่อเยอรมัน พบว่ามีเพียง ๒๔ เปอร์เซ็นต์ของผู้บริหารประเทศที่พึงพอใจกับผลงานของรัฐมนตรีเศรษฐกิจและสภาพอากาศ โรเบิร์ต ฮาเบค(Robert Habeck) ซึ่งลดลงจาก ๙๑ เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้วมาก
น้อยกว่า ๑ ใน ๔ ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดหวังว่าสิ่งต่างๆ จะดีขึ้นในช่วง ๖ เดือนข้างหน้า โดย ๒ ใน ๓ กล่าวว่า “มีโอกาสเพียงเล็กน้อย” ที่ประเทศจะสามารถฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศที่สูญเสียไป และ ๗๖ เปอร์เซ็นต์ระบุว่าพวกเขาไม่เชื่อว่า Habeck หรือกระทรวงกิจการเศรษฐกิจมีความสนใจในการฟื้นฟูธุรกิจของเยอรมันอยู่ในใจในระดับที่เพียงพอ
ในบรรดาปัญหา ๕ อันดับแรกที่ผู้จัดการอ้างถึงซึ่งขัดขวางความสามารถในการแข่งขันของเยอรมนี ได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสูง คิดเป็นร้อยละ ๗๗ การขาดแคลนแรงงานฝีมือ ร้อยละ๗๐ กฎระเบียบของรัฐบาลที่มากเกินไป ร้อยละ ๖๘ โครงการที่ค้างอยู่ในแผนดิจิทัล ร้อยละ ๖๕ และโครงสร้างพื้นฐานที่ทรุดโทรม ร้อยละ ๖๑
นอกจากนี้ ร้อยละ ๕๘ ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่า เยอรมนี “ผ่านจุดสูงสุด” ทางเศรษฐกิจไปแล้ว โดยมีเพียงร้อยละ ๒๒ ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอีกครั้ง
ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตร Traffic Light ของนายกรัฐมนตรี Olaf Scholz ซึ่งรวมถึงพรรค Social Democratic Party ของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์(Olaf Scholz), พรรคGreens ซึ่งเป็นต้นสังกัดของ Habeck และรัฐมนตรีต่างประเทศ แอนนาเลนา แบร์บอค(Annalena Baerbock) และพรรคประชาธิปไตยเสร) ผลคือมีความพึงพอใจต่อรัฐบาลผสมลดลงจากร้อยละ ๖๒ ในปี ๒๕๖๕ เหลือร้อยละ ๒๑ ในปัจจุบัน โดยร้อยละ ๖๕ ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่านโยบายของพรรคร่วมกำลัง “ทำให้ประเทศอ่อนแอ”
เศรษฐกิจเยอรมนีเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม หลังจากการเติบโตทางเศรษฐกิจหดตัวร้อยละ ๐.๓ ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้
วอชิงตันซ้ำเติมอาการบาดเจ็บของเยอรมนีเมื่อปีที่แล้ว โดยประกาศให้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯแก่อุตสาหกรรม “สีเขียว” บางแห่ง และพยายามดึงดูดอุตสาหกรรมในยุโรปให้ย้ายไปยังสหรัฐอเมริการางวัลคือจะได้ลดหย่อนภาษีและใช้พลังงานที่ถูกกว่า
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียเตือนเตือนไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม๒๕๖๕ ว่าการแยกเศรษฐกิจยุโรปออกจากแหล่งพลังงานของรัสเซีย จะคุกคามทั้งภูมิภาค เกิดการลดศักยภาพทางภาคอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวางและจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน แต่เยอมนีหารับฟังไม่
เมื่อเดือนที่แล้ว คริสเตียน ลินด์เนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเยอรมนีประกาศว่า การลดงบประมาณทำให้เบอร์ลินต้องระงับการบริจาคเพิ่มเติมให้ยูเครนในนามงบประมาณของสหภาพยุโรป
ชาคคิวส์ ซาเปียร์(Jacques Sapir) นักเศรษฐศาสตร์จากปารีสกล่าวว่า “เยอรมนีเป็นทั้งซัพพลายเออร์ที่สำคัญสำหรับประเทศอื่นๆ ในยุโรป และเป็นผู้ซื้อรายสำคัญ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยาวนานในเยอรมนีจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์” “หากภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้ยืดเยื้อไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่กล่าวมาก็จะเข้าสู่ภาวะตกต่ำเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเยอรมันมากยิ่งขึ้นไปอีก”
Sapir คาดการณ์ โดยระบุลักษณะนโยบายคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซียของเบอร์ลินและยุโรปว่าเป็น “รูปแบบหนึ่งของการฆ่าตัวตาย”โดยแท้!