จากที่หลายประเทศที่เลือกตั้งครั้งใหญ่ ซึ่งดูเหมือนว่าผลที่ออกมาจะทำให้เห็นความชัดเจนอย่างหนึ่ง นั่นคือผู้นำประเทศที่ฝักใฝ่สหรัฐพ่ายแพ้ให้กับผู้นำที่ยืนอยู่ข้างจีนและรัสเซีย นี่เองที่ทำให้ทั่วโลกเชื่อว่าสหรัฐหมดอิทธิพลแล้วจริงๆหรือไม่???
ล่าสุดวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 Blockdit World Update ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงผลการเลือกตั้งครั้งสำคัญในประเทศอาเซียนประเทศหนึ่งว่า
“ในกลุ่มอาเซียน นั้นมีประวัติศาสตร์ความทรงจำที่ปวดร้าวจากสงครามใหญ่ ทำสงครามกับสหรัฐนานถึง 18 ปี ช่วง 2500 – 2518 คือ สงครามอินโดจีน ที่มีเวียดนาม ลาว กัมพูชา เป็นสมรภูมิสงคราม
ช่วงนั้นสหรัฐ บังคับมาใช้ดินแดนไทยเป็นฐานทัพทำสงคราม ทำให้ชาติเพื่อนบ้านยังคงรู้สึกไม่ไว้วางใจสนิทต่อกันเรื่อยมา ต่อมาสหรัฐได้แทรกแซงการเมืองภายในกัมพูชา สนับสนุนพรรคนายสม รังสี
ทำให้เกิดการฟ้องร้องต่อศาล ปมต่างชาติสนับสนุนเงินทุนแทรกแซงพรรคการเมือง ทำให้ศาลสั่งยุบพรรค ตัดสิทธิการเมืองนายสมรังสี และกรรมการพรรค จนลี้ภัยไปเคลื่อนไหวอยู่ฝรั่งเศส อดีตเจ้าอาณานิคมกัมพูชา
รัฐบาลกัมพูชา หัวร้อนจึงยกเลิกให้สหรัฐใช้ฐานทัพเรือริมอ่าวไทย แล้วให้กองทัพจีนเช่าระยะยาว พร้อมสั่งต่อเรือดำน้ำ ทยอยขนย้ายอาวุธหนักมาประจำการจำนวนมาก
วันที่ 23 กรกฎาคม 2566 มีการเลือกตั้งใหญ่ พรรค Cambodian People’s Party: CPP ของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา ตลอดกาลกว่า 37 ปี ออกมาระบุ ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการว่า พรรคชนะด้วยผลโหวตในสัดส่วนราว 78-80%
มีชัยชนะเหนืออีก 17 พรรคที่ชาติตะวันตก ให้การสนับสนุน ได้รับผลโหวตราว 20% โดยมีสักขีพยานจากนานาชาติทั่วโลก ได้รับเชิญให้เข้าไปสังเกตุการณ์ แต่ไม่พบความผิดปกติใดๆ
นายพล ฮุน มาเนต บุตรชายผู้นำกัมพูชา ที่มาสมัครเลือกตั้ง สามารถคว้าเก้าอี้ ส.ส. ในครั้งนี้ด้วย ไม่พลิกโผจากที่คาดการณ์กันไว้ หากรัฐสภาเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ลงมติเห็นชอบจะส่งผลให้เขามีโอกาสขึ้นครองตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจากบิดาของเขา
คณะกรรมการการเลือกตั้งกัมพูชา หรือ กกต.(NEC) ประกาศว่า มีผู้มาลงคะแนนเสียง 8.1 ล้านคนจากทั้งหมดราว 9 ล้านคน, ผู้นำกัมพูชา ระบุว่า การที่ประชาชนจำนวนมากออกมาร่วมใช้สิทธิใช้เสียงกันอย่างแข็งขัน
พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการบ่อนทำลายการเลือกตั้งจากฝ่ายตรงข้าม และต่างชาตินั้นล้มเหลว ส่วนกลุ่มคนที่ประท้วงทำผิดกฎหมาย ควรไปมอบตัวกับตำรวจ เพื่อรับโทษทางกฎหมายต่อไป
ตามหลักสากล พรรคเดียวที่ได้คะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง 50% ของรัฐสภา จะไม่ถือว่าได้รับเสียงข้างมาก เพราะต้องไปขอรวมเสียงกับพรรคอื่นอีกที ซึ่งพรรคอื่นก็มีสิทธิปฏิเสธจะร่วมด้วย
แต่หากพรรคใดได้ผลโหวต 80% แบบกัมพูชานี้จึงจะเรียกว่าเสียงข้างมากอย่างแท้จริง และหากทางกองทัพไฟเขียวด้วย การจัดตั้งรัฐบาลใหม่กัมพูชาก็จะราบรื่นทำได้ภายใน 1 เดือนนับจากนี้ไป
วิเคราะห์ว่า เป็นชัยชนะอิทธิพลของจีนต่อสหรัฐ อีกครั้งในอาเซียน ที่หากมีรัฐบาลใดเป็นโปรสหรัฐ ไฟเขียวให้นายสม รังสี ฝ่ายค้านลี้ภัยเดินทางเข้าประเทศ แทรกแซงบ่อนทำลายความมั่นคงภายใน
โอกาสจะเกิดสงครามระหว่างชาตินั้นกับกัมพูชา เป็นไปได้สูงมาก เพราะเรื่องภายในของชาติใด ต้องให้คนในชาติเขาจัดการกันเอง”