ผลสำรวจโพลล์ล่าสุดของสหรัฐฯพบว่าประเทศอยู่ใน ‘เส้นทางที่ผิด’ เศรษฐกิจ ‘อ่อนแอ’ Biden ‘ไม่เหมาะสมทางจิตใจ’ ปรากฎการณ์นี้บอกสถานภาพของรัฐบาลไบเดนในสายตาของคนอเมริกันไดอย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกัน ปัญหาแบงก์รันของธนาคารมะกันยังไม่หยุดนิ่ง เงินสดจำนวนมหาศาลกว่า ๗๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐเขย่าระบบธนาคารอเมริกันยังไม่เห็นทางแก้ บางสำนักวิเคราะห์ว่าเป็นเจตนาหนึ่งในแผน Reset ระบบ
วันที่ ๒๔ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า ฤดูกาลเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกากำลังจะมาถึงต้นปีหน้า ทั้งสองพรรคใหญ่ได้ออกเดินสายหาเสียงล่วงหน้าอย่างคึกคัก
แต่ผลสำรวจ ล่าสุดของ Harvard CAPS-Harris พบว่า “ชาวอเมริกันมากกว่าครึ่งเชื่อว่าประเทศของตนกำลังเดินไปในทิศทางที่ผิด และประธานาธิบดีไบเดนไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่ง”
ร้อยละ ๖๑ บอกกับนักสำรวจความคิดเห็นว่าประเทศนี้อยู่ใน “เส้นทางที่ผิด”โดยรวม โดยมีเพียงร้อยละ ๒๙ ที่ระบุว่าอยู่ใน “เส้นทางที่ถูกต้อง” ร้อยละ ๖๒ เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลัง “ผิดทาง” เช่นกัน โดยร้อยละ ๒๙ ระบุว่ากำลัง “ถูกทาง” ชาวอเมริกัน ๖๑ เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า เศรษฐกิจ “อ่อนแอ”ขณะที่ ๓๙ เปอร์เซ็นต์ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจ “แข็งแกร่ง”
ร้อยละ ๓๕ ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว โดยร้อยละ ๓๙ คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนับจากนี้ และร้อยละ ๒๗ แสดงความมั่นใจว่าประเทศสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้
การสำรวจยังพบว่า ๔๔ เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันยังคง “เห็นด้วยอย่างยิ่ง” หรือ “ค่อนข้างเห็นด้วย” ต่อตำแหน่งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน ในขณะที่ ๕๕ เปอร์เซ็นต์แสดงความไม่เห็นด้วย อัตราเงินเฟ้อเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของประเทศ โดยเศรษฐกิจ/งาน ร้อยละ ๒๖ ,การอพยพย้ายถิ่นฐาน ร้อยละ ๒๔ ปัญหาปืนร้อยละ ๒๑ และอาชญากรรม/ยาเสพติด ร้อยละ ๑๗ อยู่ในห้าอันดับแรกตามลำดับ
ผู้ตอบแบบสอบถามระหว่าง ๕๓ ถึง ๕๘ เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าฝ่ายบริหารของ Biden ใช้จ่ายมากเกินไปและเพิ่มการขาดดุลมากเกินไปตามลำดับ โดย ๖๐ เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าพวกเขา “ไม่มั่นใจ” ในความสามารถของประธานาธิบดี Biden ในการจัดการปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
ชาวอเมริกัน ๕๙ เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่าพวกเขา “มีข้อสงสัย” เกี่ยวกับสภาพจิตใจของประธานาธิบดีไบเดนสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดี โดย ๔๑ เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าเขามี “สภาพจิตใจที่ดี” และมากถึง ๖๘ เปอร์เซ็นต์เห็นว่าเขา “แก่เกินไป” โดย ๓๒ เปอร์เซ็นต์บอกว่าเขายังคง “เหมาะสม” สำหรับออฟฟิศ
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังถูกขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโคเคนที่พบในทำเนียบขาว โดย ๖๓ เปอร์เซ็นต์ระบุว่าควรสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป ร้อยละ ๓๗ กล่าวว่าพวกเขาพบข้อสรุปของหน่วยสืบราชการลับที่ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้ยอมรับ
การดีเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันครั้งแรกในปี ๒๐๒๔ คาดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ ๒๓ สิงหาคมที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน คณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครตได้แสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับ Biden และไม่คาดว่าจะมีการโต้วาทีอย่างเป็นทางการใดๆ พรรคการเมืองและพรรครีพับลิกันจะเริ่มขึ้นในกลางเดือนมกราคมด้วยพรรคการเมืองไอโอวา ตามมาด้วยพรรคหลักในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ พรรคเดโมแครตจะจัดการเลือกตั้งขั้นต้นครั้งแรกในเซาท์แคโรไลนาในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ในความพยายามที่จะต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐได้ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ ๑๙๘๐ ซึ่งก่อให้เกิดผลที่ตามมาโดยไม่ได้ตั้งใจพร้อมกับผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อธนาคาร
การถอนเงินของลูกค้าจากธนาคารอเมริกันพุ่งสูงขึ้นทำให้มีการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารถึง ๗๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ระหว่างวันที่ ๕-๑๒ กรกฎาคม ตามข้อมูลล่าสุดจากระบบข้อมูลเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (FRED) ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน ธนาคารแห่งซิลิคอนวัลเลย์และซิกเนเจอร์แบงก์ก็ประสบปัญหาเงินสดไหลออกจำนวนมากตั้งแต่เดือนมีนาคม นอกจากนี้ First Republic Bank ยังต้องเรียกร้องเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์จากธนาคารอื่น ๆ เพื่อให้อยู่ได้
การถอนกระแสเงินสดจำนวนมหาศาลเกิดขึ้นหลังจากสองสัปดาห์กรณีวิกฤตธนาคารที่ประสบการขาดทุนบักโกรก ผู้บริโภคกลัวสูญเงินฝากเร่งพากันถอนเงินจากธนาคาร-เล็กและกลางไปฝากไว้สถาบันการเงินขนาดใหญ่แทน
ผลที่ตามมาของการหลั่งไหลของเงินสดจำนวนมหาศาล ส่งผลให้การแข่งขันจากบัญชีตลาดเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าต้องเร่งกดดันให้ธนาคารต้องยกระดับเกมการเงินของพวกเขา ท่ามกลางต้นทุนสูงขึ้นจากดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้น
Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan Chase เพิ่งเตือนผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับความสำคัญของการตอบสนองความต้องการด้านอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในภาคการธนาคารและหลีกเลี่ยงการขาดทุนเงินฝากมากขึ้น เขากล่าวว่า “ธุรกิจส่วนใหญ่ของเรามีอำนาจในการกำหนดราคาน้อยมาก และความเสี่ยงอย่างเป็นระบบกำลังจะสูงขึ้น”
ธนาคารกลางสหรัฐรายงานว่าเงินฝากมูลค่า ๗๔๒,๐๐๐ล้านดอลลาร์ ถูกถอนออกจากระบบธนาคารในปี ๒๕๖๕ ทำให้ธนาคารสหรัฐมีเงินฝากรวม ๑๗.๒๘ ล้านล้านดอลลาร์และหลังจากวิกฤตธนาคารในไตรมาสแรกปีนี้ เงินสดยังคงถูกถอนออกมากอย่างต่อเนื่องแต่เป็นการถอนจากธนาคารและสถาบันการเงินขนาดเล็กและกลางไปสู่ธนาคารและสถาบันการเงินขนาดใหญ่เป็นสำคัญ
