เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางการสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรธนาคารรัสเซียอีก ๕ แห่ง ได้แก่ ธนาคาร Tinkoff, Loko Bank, St. Petersburg Social Commercial Bank, Solidarnost และ Unistream วอชิงตันคาดหวังว่าสิ่งนี้จะจำกัดการเข้าถึงระบบการเงินโลกของมอสโกว์ อิจฉาแหละดูออกเพราะรัสเซียกำลังพากลุ่มBRICS หนีห่างระบบเงินผูกขาดของแองโกลแซกซอนอย่างมีนัยสำคัญ
ในด้านการทหารไม่สามารถปิดกั้นการเข้าควบคุมทะเลดำของรัสเซียได้ เพราะตลอด ๑ ปีที่ผ่านมารัสเซียให้โอกาสเปิดทะเลดำให้ขนส่งธัญญพืช แต่ยูเครนและตะวันตกตระบัดสัตย์อวยแต่ด้านยูเครน หักหลังรัสเซียรับปากในข้อตกลงจะยกเลิกคว่ำบาตรธัญญพืชและปุ๋ยรัสเซีย แต่ไม่ทำอ้างสารพัดเหตุผล ปล่อยให้เคียฟใช้เป็นฐานสะสมกำลังคนและอาวุธ คราวนี้รัสเซียไม่ยอม ประกาศทะเลดำเป็นเขตWar zoneซะเลย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียคนที่ ๑ เซอร์เกย์ ราบคอฟ (Russian Deputy Foreign Minister Sergey Ryabkov)กล่าวว่า“เราขอประณามการคว่ำบาตรของพวกเขา เราถือว่าพวกเขาทำผิดกฎหมายสากล นโยบายการคว่ำบาตรของวอชิงตัน ที่ร้องขอนั้นจะต้องประสบความล้มเหลวอีกเหมือนที่ผ่านมา การคว่ำบาตรเหล่านี้จะไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการโดยคาดหวังให้รัสเซียอ่อนแอลง นี่คือวันกราวด์ฮ็อกของอเมริกา ซึ่งเป็นความน่ากลัวในความโง่เขลาและไร้เหตุผลของมัน ชาวอเมริกันที่เหยียบคราดกระแทกหัวตัวเองแบบเดียวกันไม่รู้จบ” นักการทูตอาวุโสกล่าวกับ TASS โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรใหม่ของสหรัฐฯว่ายังโง่ไม่เลิก
วันที่ ๒๓ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์ รายงานว่า เซอร์เก เวอร์ชินิน(Sergey Vershinin) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียคนที่ ๒ ชี้ให้เห็นว่าการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในไครเมีย สะพานไครเมีย เซวาสโทพอล และการก่อวินาศกรรมบนท่อส่งแอมโมเนีย ยังไม่เคยเห็นการตอบสนองจากสำนักเลขาธิการสหประชาชาติจนถึงตอนนี้ แต่กลับมาตำหนิรัสเซียถล่มฐานทหารโอเดสซา
เขากล่าวว่า “สำนักเลขาธิการสหประชาชาติไม่ควรประณามการโจมตีเป้าหมายในเมืองโอเดสซา ซึ่งกำลังวางแผนโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายต่อรัสเซีย วันนี้ มีการเผยแพร่ถ้อยแถลงในนามของเลขาธิการสหประชาชาติ แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส(Antonio Guterres) เกี่ยวกับการโจมตีชำระแค้นที่โอเดสซา เป็นการประณามอย่างรุนแรง เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงทางอาหาร สำหรับฉันแล้ว ดูเหมือนว่าการโจมตีเป้าหมายซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นการวางแผนการโจมตีของผู้ก่อการร้ายนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรประณาม”
Vershinin เน้นย้ำว่าเป้นการประณามเฉพาะสองมาตรฐานเท่านั้น การโจมตีของผู้ก่อการร้ายในไครเมีย ต่อสะพานไครเมีย ต่อท่าเรือเซวาสโทพอล ตลอดจนการก่อวินาศกรรมบนท่อส่งแอมโมเนีย ยังไม่มีการตอบสนองจากสำนักเลขาธิการสหประชาชาติจนถึงตอนนี้
“ท่อส่งแอมโมเนียนี้ที่เคียฟโจมตี ก็เป็นความมั่นคงทางอาหารอีกด้วย และอาจสำคัญกว่าเมล็ดพืชด้วยซ้ำเมื่อพูดถึงแอมโมเนีย ท่อส่งแอมโมเนียนี้สามารถจ่ายแอมโมเนียได้ถึง ๒ ล้านตัน นั่นทำให้มีปุ๋ยจำนวนมาก ปุ๋ยจำนวนนี้จะเพียงพอสำหรับพืชผลที่พอเลี้ยงคนถึง ๔๕ ล้านคน”
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวเสริมว่า “ปรากฎว่าเรื่องนี้กลับไม่สำคัญสำหรับUN เมื่อยูเครนเป็นฝ่ายกระทำ เพราะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย ซึ่งเป็นสองมาตรฐานที่ยอมรับไม่ได้และสมควรถูกประณามซ้ำอีกด้วย”
ด้านรองผู้แทนถาวรคนแรกของรัสเซียประจำสหประชาชาติ ดมิทรี โปลีอันสกี (Dmitry Polyansky) กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “โครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือทะเลดำของยูเครนเป็นสถานที่ประจำการของกองทัพยูเครน เราพบว่าในระหว่างปี เมื่อข้อตกลงธัญพืชมีผลบังคับใช้ ระบอบการปกครองของเคียฟซึ่งซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังข้อตกลงนี้ ได้สะสมการป้องกัน เชื้อเพลิง และความจุในการจัดเก็บอาวุธจำนวนมากที่ท่าเรือทะเลดำ นอกจากนั้น ทรัพยากรทหารจำนวนมากและทหารรับจ้างต่างชาติถูกส่งไปประจำการที่นั่น เมื่อข้อตกลงยุติลง เราย่อมมีโอกาสที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้”
เขากล่าวในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับข้อตกลงธัญพืชที่เลขายูเอ็นออกมาตำหนิรัสเซีย ถือหางยูเครนอีกเหมือนเคย
เขากล่าวเสริมว่า “เราถือว่าโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือทะเลดำของยูเครนเป็นสถานที่ประจำการและเสริมทัพของกองทัพยูเครนด้วยอาวุธตะวันตกที่ใช้กับรัสเซีย”
นักการทูตยังเตือนว่ารัสเซียได้เรียกคืนการรับประกันความปลอดภัยสำหรับเรือที่มุ่งหน้าไปยังท่าเรือของยูเครน “ตอนนี้ เรือทุกลำที่แล่นข้ามทะเลดำไปยังท่าเรือของยูเครนได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ขนส่งสินค้าทางทหารที่มีศักยภาพ ดังนั้น ประเทศที่มีธงของเรือดังกล่าวจะถูกมองว่าเป็นภาคีของความขัดแย้งของยูเครนในด้านระบอบการปกครองของเคียฟ”