บักโกรก!! สหรัฐฯขาดดุลงบฯ๙เดือน ๑.๓๙ ล้านล้าน หนี้ท่วม ๓๒.๕ ล้านล้าน คลังยอมรับเข้าโหมดศก.ถดถอย

0

ขณะที่มีรายงานภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯไม่ใช่ข่าวดีนัก กรรมซ้ำเกิดเหตุการณ์ บึ้มโรงงานเคมีหลุยส์เซียนา ทีแรกตกใจกันทั่วหน้านึกว่านิวเคลียร์น้อยลงเมกาเสียแล้ว เมฆเห็นครอบคลุมท้องฟ้าขณะระเบิดดังสนั่นถึง ๘ ครั้ง ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน่าจะหนักหนาสาหัสเพราะโรงงานนี้ผลิตเอธิลีน โพลีเอทิลีน โพรพิลีน โพรพิลีนออกไซด์ เอทิลีนไกลคอล เมทิลเซลลูโลส คลอรีน และสารเคมีอื่นๆ ที่ใช้ในของใช้ในครัวเรือน ตั้งแต่เครื่องสำอางไปจนถึงผ้าอ้อม สารเคมีเกือบทั้งหมดสามารถเป็นภัยคุกคามต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อมได้หากควบคุมไม่ได้

มาดูตัวเลขการขาดดุลงบประมาณของเมกาก็น่าตกใจไม่น้อยเมื่อแค่ ๙ เดือนก็พุ่งไปกว่าล้านๆดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขหนี้สาธารณะก็ยังกระฉูดไม่ลดเพราะไม่ยอมลดงบประมาณด้านกลาโหม แม้จะตัดก็ตัดงบฯด้านสวัสดิการซึ่งในระยะยาววุ่นวายแน่เพราะทุกวันนี้คนอเมริกันธรรมดาก็ลำบากยากแค้นถึงขนาดไม่มีค่าเช่าบ้านต้องเช่ารถนอนแทนบ้าน คนไร้บ้านก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเก่าจนปิดไม่อยู่  มิหนำซ้ำรมว.คลังสหรัฐ เจเน็ตเยลเลนต้องออกมายอมรับว่าเมกาไม่พ้นเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อจะยังไม่ลดง่ายๆตามเป้าหมาย

วันที่ ๑๗ ก.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่าข้อมูลกระทรวงการคลังเปิดเผยให้เห็นว่าการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรายได้ภาษีที่ลดลงอย่างมากเป็นสาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น

ตามรายงานของแผนกปรากฎว่า ประเทศขาดดุลงบประมาณเกือบสามเท่าของปีที่แล้ว ช่องว่างระหว่างเดือนตุลาคม๒๕๖๕ ถึงมิถุนายน๒๕๖๖ อยู่ที่ประมาณ ๑.๔ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง ๙ เดือนแรกของปีงบประมาณ จนแตะ ๑.๓๙ ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๕ กระทรวงการคลังระบุเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก ๕๑๕,๑๐๐ ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

รัฐบาลกลางดำเนินการภายใต้ปีงบประมาณที่เริ่มในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ตามรายงาน ช่องว่างงบประมาณเพิ่มขึ้น ๒๒๗,๗๖ พันล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นจาก ๘๘.๘ พันล้านดอลลาร์ในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว

ข้อมูลกระทรวงการคลังแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรายได้ภาษีที่ลดลงอย่างมาก เป็นสาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังการขาดดุลที่เพิ่มขึ้น

โดยรวมแล้ว รายได้ภาษีระหว่างเดือนตุลาคมถึงมิถุนายนต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ๑๑% เนื่องจากการตกต่ำของหุ้น พันธบัตร และสินทรัพย์อื่นๆ 

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ารายรับของรัฐบาลในเดือนมิถุนายนลดลง ๔๒,๐๐๐ ล้านดอลลาร์จาก ๔๑๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์จากปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน การใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น โดยรายจ่ายเพิ่มขึ้น ๙๖,๐๐๐ ล้านดอลลาร์เป็น ๖๔๖,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นได้เพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง

เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐเตือนว่าการเงินของรัฐบาลอยู่ในเส้นทางที่ไม่ยั่งยืนในระยะยาว 

ฟิลลิป สวาเกิล(Phillip Swagel) ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯกล่าวว่า “การขาดดุลของรัฐบาลกลางจะอยู่ที่ประมาณ ๒ ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และเพิ่มเป็น ๓๒.๕ ล้านล้านดอลลาร์ต่อหนี้สาธารณะของประเทศ”

มายา แมคกินีส ประธานคณะกรรมการเพื่องบประมาณของรัฐบาลกลางที่รับผิดชอบกล่าวว่า “เราคาดว่าจะใช้จ่ายดอกเบี้ยในทศวรรษหน้ามากกว่างบประมาณกลาโหมทั้งหมด” “ใครจะคิดว่าเทรนด์นี้จะมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร”

แมคกินีกล่าวว่า “เรากำลังวิ่งหนีออกจากรางรถไฟในอัตราเร่งที่น่าตกใจ” พร้อมเสริมว่า“เราจำเป็นต้องทำให้ดีกว่านี้”

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนว่าเศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย ขณะที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง

ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ Face the Nation ของ CBS เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อถูกถามเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นหลังจากรายงานการจ้างงานในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นตัวเลขที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๐๒๐และแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเพิ่มงานน้อยกว่าในเดือนก่อนหน้า เยลเลนกล่าวว่า “เศรษฐกิจสหรัฐฯ จ้างงานเพิ่มขึ้น ๒๐๙,๐๐๐ ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากข้อมูลที่กระทรวงแรงงานเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อัตราการว่างงานลดลงเล็กน้อยจาก ๓.๗% ในเดือนพฤษภาคมเป็น ๓.๖% ในเดือนมิถุนายน

รัฐมนตรีคลังระบุว่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มผ่อนคลายลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูง หลังจากราคาเพิ่มขึ้น ๔% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นสองเท่าของเป้าหมาย ๒% ของธนาคารกลางสหรัฐ 

“เรายังคงมีเศรษฐกิจที่ดี มีตลาดแรงงานที่ดี แต่อัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป และความกังวลของเราและคนอเมริกันก็จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป”

สัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางตัดสินใจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณว่าอาจยังคงขึ้นดอกเบี้ยได้อีกในปีนี้ โดยกล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 ค่อนข้างเป็นไปได้แต่อาจจะไม่ “ลึกหรือยืดเยื้อ”