จากที่สำนักข่าวซินหัวรายงานถึงรัฐมนตรีสองประเทศคือรัสเซียแลไทยแลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นระดับภูมิภาคและระดับโลก สถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยูเครน และเมียนมาในระหว่างการมาเยือนนั้น
ทั้งนี้โดย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือทวิภาคีกับนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ณ จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2566 เนื่องในโอกาสที่นายลาฟรอฟเดินทางเยือนจังหวัดภูเก็ตเพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดสถานกงสุลใหญ่รัสเซีย ณ จังหวัดภูเก็ต
กระทรวงการต่างประเทศของไทยเปิดเผยว่า รัฐมนตรีทั้งสองได้หารือในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน อาทิ การขยายมูลค่าการค้า การส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ตลอดจนการสนับสนุนการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย

ขณะที่อีกความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดย Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2566 ถึงการมาเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีคนสำคัญจากรัสเซียด้วยว่า
“ปี 2566 นี้ครบรอบ 30 ปีของรัสเซีย และกลุ่มอาเซียน ในการเจรจาการค้า และ 5 ปีในทางยุทธศาสตร์ กลางเดือน ก.ค.2566 นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ ประชุมกับกลุ่มอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย
รัสเซีย เตือนอาเซียนว่าสหรัฐ วางแผนจะย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารบางส่วนจากยุโรป มายังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อเตรียมทำสงครามกับจีน ต่อจากยูเครน
ประเทศในอาเซียนอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากสหรัฐ ให้เข้าร่วมการคว่ำบาตรและเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับรัสเซีย แต่รัสเซียมีความได้เปรียบปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในบางพื้นที่และบางประเด็น
เพราะรัสเซีย ไม่มีความทรงจำทางประวัติศาสตร์ในแง่ลบในอาเซียนเหมือนสหรัฐ เช่น ความร่วมมือด้านพลังงาน การทหารและทางเทคนิค เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ยา ผลิตภัณฑ์อาหารและการเกษตร ฯลฯ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาต่อไปของอาเซียน
รัสเซีย มีแผนที่จะเปิดคณะผู้แทนทางการทูตใหม่ในประเทศต่างๆ ในอาเซียน โดยหนึ่งในนั้น คือ การเปิดสถานกงสุลใหญ่ที่ภูเก็ต ในไทย เพื่อขยายสถานะทางการทูตในภูมิภาค
วิเคราะห์ว่า..รัสเซีย มองว่าสหรัฐ ไปต่อไม่ได้แล้วในสงครามยูเครน เพราะถ้าเกินไปจากนี้จะกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์กับรัสเซียโดยตรง สหรัฐ จึงพยายามจะเคลื่อนย้ายอาวุธมาย่านเอเซีย แปซิฟิค
แต่ขณะเดียวกันสหรัฐ มีบาดแผลประวัติศาสตร์ ในปมสงครามเวียดนาม ลาว กัมพูชา และเป็นปฏิปักษ์กับเมียนมาร์ในปัจจุบัน จึงไม่สามารถเจาะเข้าได้ จึงเปิดโอกาสให้รัสเซีย เจาะเพิ่มจาก 4 ประเทศนี้ได้ และอาเซียนจะไม่ร่วมคว่ำบาตร กีดกันรัสเซีย ตามที่สหรัฐ บีบบังคับ เพราะจะเสียไม่คุ้มเสีย หากเกิดสงครามในย่านนี้จะไม่เกิดผลดีแน่นอน”
Cr.https://www.blockdit.com/world.update
Cr.https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454