หมอพรทิพย์แฉเดือด!ก้าวไกลส่งคนมาคุยให้โหวตพิธา ซัดอยากเป็นนายกแต่ไม่ห้ามพวกต่ำตมใช้วิธีสกปรกก็อย่าอาสาปชช.

0

จากการ โหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 โดยนายพิธา ได้รับผลโหวต เห็นด้วย 324 ไม่เห็นด้วย 182 และงดออกเสียง 199 ซึ่งถือว่าน้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ทำให้เกิดกระแสของกลุ่มผู้สนับสนุนออกมาโจมตีคุกคามข่มขู่วุฒิสมาชิกนั้น

ทั้งนี้โดยเฉพาะกับกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ที่งดออกเสียงและไม่เห็นชอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งพรรคก้าวไกลได้อ้างถึงคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 14 ล้านเสียงจากประชาชนทั้งประเทศ จึงหยิบมาอ้างสารพัดว่า ส.ส.หรือส.ว.ที่ไม่เห็นชอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รวมทั้งที่งดออกเสียง ไม่ฟังเสียงของประชาชน

ต่อมาวันที่ 14 กรกฎาคม 2566  นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวว่าขณะนี้ ส.ว. หลายคนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานที่มีบุคคลอื่นมาบูลลี่ตนเองและครอบครัว เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเฉพาะในการประชุมรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นการคุกคาม ซึ่งถือว่าเลวร้ายกว่าในอดีต

นอกจากนี้ นายสมชาย ยังกล่าวอีกว่า ขอเตือนบุคคลที่มีพฤติกรรมเหล่า อย่ามองเป็นเรื่องสนุกสนาน ทุกคนเตรียมหลักฐานไว้หมดแล้ว รวมทั้งจากนี้จะตรวจสอบทั้งหมดและย้อนหลังไป หากพบว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทก็จะดำเนินคดีทั้งหมด

ล่าสุดวันนี้ 15 กรกฎาคม 2566  แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ หรือ หมอพรทิพย์ หนึ่งในสมาชิกวุฒิสภา ที่งดออกเสียง  ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม porntip_nai โดยฝากไปถึงชาวเน็ต และด้อมส้ม ด้วยข้อความร่ายยาว โดยระบุว่า

“ขอประณามขบวนการด้อมส้ม และอวตารที่ไปราวีตามสื่อของสมาชิกวุฒิสภาและครอบครัว รวมทั้งผู้เห็นต่าง เดิมทีก็มีขบวนการเช่นนี้ในสื่อโซเชียลมานานแล้ว แต่หลังการโหวตนายก ก็มีขบวนการนี้เข้ากระหน่ำอย่างถี่ด้วยวาจาที่ก้าวร้าว ต่ำตม หลังเลือกตั้งถึงขนาดสร้างเฟซบุ๊กปลอมของหมอแล้วนำเอาโพสต์ที่ด่าก้าวไกลมาลงแบบที่เรียกได้ว่าเรียกแขก

ในส่วนของการบูลลี่หมอมักใช้วิธีผ่านไป บล้อคได้ก็บล้อค ส่วนเฟซปลอมไม่สามารถจัดการใดๆได้ด้วยขบวนการของรัฐ มาวันนี้ขบวนการเลวร้ายนี้กำลังกระจายไปยังสว. และครอบครัวจำนวนมาก

ที่น่าสนใจคือการได้พูดคุยปัญหานี้กับตัวแทนของพรรคก้าวไกลที่ส่งมาคุยเพื่อให้โหวตให้พิธา เพราะหมอเชื่อว่าคนที่ทำคือด้อมส้ม และอวตารที่ War room ส่งมา คำตอบของตัวแทนพรรคคือเขาก็ไม่เห็นด้วย ไม่รู้จะจัดการอย่างไร

นี่หรือคือคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ กลับใช้วิธีสกปรก รุกรานผู้เห็นต่าง ลามปามไปยังคนรอบข้าง

ถ้าอยากเป็นนายกแต่ไม่ห้าม หรือไม่สามารถจัดการได้ ก็อย่าอาสามาทำงานให้ประชาชนเลย เพราะนี่คือการสร้างความแตกแยกมากกว่าการสร้างความเจริญ ถล่มมาเลยนะเพราะจะบันทึกไว้ดำเนินการ”